รางวัลของการทุ่มเท และเสียสละ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนนึง และเป็นผู้ที่มีคนติดตามมากที่สุดใน Instagram (เป็นชาวโปรตุเกสคนเดียวที่ติดในอันดับ 1-25 และเป็นนักฟุตบอลเพียงคนเดียวท่ามกลาง นักแสดง และนักร้อง)

ไมเคิล เฟ็ลปส์ นักกีฬาว่ายน้ำผู้เป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีสถิติโลกในชื่อตัวเองอีกหลายรายการ และเรียกได้ว่าเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนนึงตอนอายุยังน้อย

แจ็ค หม่า บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดและเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากคนนึงของประเทศจีน ปัจจุบันเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกในการพูด ให้ข้อคิด ให้กำลังใจเกี่ยวกับการทำงาน และการผ่านอุปสรรค

บิล เกตต์ ก่อตั้งไมโครซอฟต์ขึ้นเพราะความชื่นชอบในการพัฒนาโปรแกรม เขารับจ้างเขียนโปรแกรมตั้งแต่สมัยเรียนให้กับหลายธุรกิจ และองค์กรของรัฐ ด้วยความรักงานนั้นเอง ส่งผลให้ไมโครซอฟท์ได้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอยู่ช่วงหนึ่ง และทำให้บิล เกตต์เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยในเวลาเดียวกัน

มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิและเสรีภาพของคนผิวสี เรียกร้องให้ปฏิบัติกับคนผิวสีอย่างเท่าเทียม เคยได้เป็นชายที่อายุน้อยที่สุดในโลกได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

อะไรคือจุดร่วมที่คนเหล่านี้มีเหมือนกัน

ข้อนึงที่คนทั่วไปอย่างเรามองเห็นได้ชัดเจนเหมือนกันคือ ความอดทนเสียสละ และการทุ่มเทเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่านการกระทำซ้ำๆ ด้วยความเชื่อเป็นเวลานาน และการกระทำเหล่านั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่ารางวัลมีค่า และได้กลับมามากมายแค่ไหน

โรนัลโด้ออกกำลังกายหนักมาก มาซ้อมคนแรก กลับคนสุดท้าย เคยกล่าวเอาไว้ว่าเขาซิทอัพวันละ 3000 ครั้งทุกวัน เช่นเดียวกับไมเคิล เฟ็ลปส์ ที่ซ้อมว่ายน้ำเป็นประจำทุกวัน โดยแค่ในช่วงโอลิมปิก เฟ็ลป์ ซ้อมว่ายไปกลับเป็นระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตรในหนึ่งสัปดาห์

แจ็ค หม่า สมัยหนุ่มปั่นจักรยานเป็นระยะเวลาเกือบ 50 นาทีทุกเช้าเพื่อไปคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือทำหน้าที่เป็นไกด์พาเที่ยวเพื่อฝึกภาษาอังกฤษและการถ่ายทอดในทุกๆวัน หรือแม้แต่นักเคลื่อนไหวอย่างมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ เองก็เช่นกัน เขาเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์มากมาย หรือมากกว่า 250,000 ครั้ง จนครองใจคนส่วนมากได้

หากรางวัลของความทุ่มเทเสียสละ เพื่อจุดหมายหรือความฝันนั้นมีอยู่จริง ตามที่เราได้เห็นตัวอย่างจากบุคคลผู้ประสบความสำเร็จต่างๆ เช่นที่พูดถึงไปแล้ว มันก็ควรค่าแก่การทุ่มเท แลกเวลาและความเหน็ดเหนื่อยใช่หรือเปล่า

ซีรี่ย์เรื่อง Inside Bill’s Brain ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องนึง

ไมโครซอฟท์ก่อตั้งด้วยคนสองคนคือ บิล เกตต์ และ พอล อัลเลน แน่นอนว่าเกตต์เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางมากจนปัจจุบัน แทบจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่ไม่ใช่กับ พอล อัลเลน ถ้าให้เข้าใจกันง่ายๆ พอล อัลเลนดูจะเป็นที่รู้จักในวงซอฟแวร์มากกว่า หรือนักธุรกิจบางกลุ่ม ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมความสำเร็จของบริษัท ไม่ได้ตกอยู่กับคนสองคนในปริมาณที่ควรจะเท่าๆ กัน ตามที่คิดว่าจะเป็น

บิล เกตต์ คือคนที่ใช้เวลากับไมโครซอฟท์มากกว่า เป็นคนที่เป็นห่วง กังวล และนึกถึงว่าจะพาบริษัทไปทางไหน จะเป็นอย่างไรในอนาคต จะมีเงินพอมาจ่ายเงินเดือนพนักงานไหม แต่พอล อัลเลนกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเท่าไหร่ อาจจะไม่ได้สนใจบริษัทมาก ทั้งๆ ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งมาด้วยกัน

ถ้ารางวัลที่ได้มาในตอนหลังกลับไปให้ทั้งสองคนเท่ากัน ก็คงจะดูไม่แฟร์กับคนที่ทำงานหนัก เปรียบเปรยได้ว่า หากมีนักการเมืองเดินสายขึ้นเวทีพูดอยู่ 2-3 ครั้ง ครั้งละไม่กี่นาที แต่ครองใจคนได้พอกับ มาร์ติน ลูเทอร์คิง ก็คงจะดูแปลก

คนเราคงดูออกว่าใครที่ทุ่มเททำงานหนัก และได้ใจคนอื่นมากกว่า

งั้นก็คงไม่แปลกอะไร ที่พอล อัลเลนจะไม่เป็นที่รู้จัก แล้วก็ดูไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไมโครซอฟท์ในสายตาคนนอก เหมือนกับการทำงานในปัจจุบันที่บางคนก็มีสถานะอยู่แค่ชื่อ ไม่ได้มีความผูกพันธ์ หรือมีใจเกี่ยวพันธ์อะไรกับองค์กรมากอย่างที่ตัวเขานั้นก็รู้ตัวเองดี

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ