รีวิว lofree keyboard สไตล์มินิมอลแบบเครื่องพิมพ์ดีด

lofree Mechanical keyboard

เมื่อช่วงประมาณเดือน 4 ผมได้ทำการสั่งซื้อ keyboard ที่ชื่อว่า lofree ผ่านเว็บไซต์ Indiegogo ซึ่งเป็นเว็บไซต์ระดมทุนสำหรับผู้ที่สร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบขึ้นมาและต้องการคนสนับสนุน เอาง่ายๆ คือมันเป็นการสั่งซื้อของออนไลน์แบบ preorder คือจ่ายเงินไปก่อนได้ของทีหลัง ปรกติแล้วผมไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ครับ เพราะมันรอนาน แล้วเงินที่จ่ายไปก่อนนั้นก็ค่อนข้างเสียดาย กลัวไม่ได้ของตามที่คาดหวัง หรือที่ทางผู้พัฒนาโฆษณาเอาไว้

แต่ด้วยความที่เห็นวิดีโอโปรโมตของเจ้านี่แล้วก็น่าสนใจ อีกทั้งเป็น mechanical keyboard ไซส์เล็ก แนวปุ่มออกแบบให้เป็นแป้นกลมเหมือนกับเครื่องพิมพ์ดีด สามารถใช้ได้ทั้ง bluetooth และแบบต่อสาย ที่น่าสนใจมากเลยคือเรื่องของการเชื่อมต่อ ที่สามารถเลือกเครื่องที่ต้องการเชื่อมผ่าน bluetooth ได้จากการกดคีย์ที่แป้นคีย์บอร์ด (รองรับสูงสุด 3 เครื่อง)

คีย์บอร์ด lofree ตัวนี้ออกแบบมาให้ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ Windows, MacOSX, Android และ iOS โดยจะมีปุ่มสวิตซ์อยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่องในการเปลี่ยนโหมด เกริ่นมาเสียนาน เมื่อช่วงสามวันที่แล้ว(ปลายเดือน 5 ที่เขียนบทความอยู่นี้) ก็ได้รับของเสียที โดยประเทศต้นทางที่ทำการส่งมาคือจีน จัดส่งโดย FedEx ใช้เวลาเดินทางมาถึงหน้าบ้านร่วม 3-4 วันเท่านั้น พัสดุที่ห่อในการจัดส่งนั้นทำได้ดีตามมาตราฐานของผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีตัวกันกระแทกแต่ก็ยังมีรอยบุบเล็กน้อยที่ตัวกล่องด้านนอก อันนี้ไม่ซีเรียสครับ ตามไปดูสินค้าข้างในกันดีกว่า

การออกแบบ และความสวยงาม

แป้นที่เลือกซื้อมานั้นเป็นแป้นสีดำ สลับกับปุ่มแดง ซึ่งผู้ที่สั่งซื้อรุ่นแรกๆ ทางผู้ผลิตได้จัดส่งปุ่มสีฟ้าแถมมาในกล่องให้ด้วย อันนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนสีปุ่ม หรือสำรองไว้ในกรณีที่ปุ่มบางตัวหลุดหายไป แป้นจะเป็นภาษาอังกฤษล้วน แป้นคีย์จะเป็นรูปทรงวงกลม ซึ่งอันนี้ผู้เขียนมองว่าอาจจะต้องใช้งานไปสักพักถึงจะชิน

รูปลักษณ์ภายนอกดูดี ดูแข็งแรงทนทาน มีสวิตซ์ในการสับเปลี่ยนโหมดในการใช้สาย, bluetooth และเปิดปิดอยู่ที่ด้านขวา พร้อมกับสวิตซ์ในการเปลี่ยนลักษณะการเชื่อมต่ออยู่ใกล้ๆ กัน สามารถเลือกเปิดไฟ backlight ได้ 3 ระดับ และที่สำคัญเลยคือมันเป็น mechanical keyboard แบบ blue switch ซึ่งเวลาพิมพ์จะเสียงดังมาก ใครที่ซื้อไปแล้วต้องทำงานในห้องเดียวกับคนอื่น ก็ลองนึกถึงข้อนี้ไว้ก่อนก็ดีเหมือนกันครับ

สรุปข้อดีคือกระทัดรัด สวยงามดูดีมีราคา ฟังก์ชั่นการใช้งานการตอบสนองถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค ข้อเสียที่ใช้มาสักพักคือพิมพ์ยากมากกกกก 😩 เป็นเพราะเหมือน layout ของ keyboard ในแถวก่อนบนสุด(แถวที่มีตัวเลข) ปรกติผู้เขียนจะใช้คีย์แถวนี้ค่อนข้างบ่อย แต่เหมือนทำออกมาให้แถวนี้ขยับไปทางขวา 1 จุด ทำให้เวลาพิมพ์ภาษาไทย หรือพิมพ์ตัวเลขนั้นผิดเพี้ยน และดูน่าหงุดหงิดมากสำหรับคนที่ใช้คีย์บอร์ดในการพิมพ์ไวๆ รู้สึกได้เลยว่าช่วงวันสองวันนี้พิมพ์แล้วต้องมานั่งลบบ่อยมาก ช่วงวันแรกที่ได้มาใช้นี่คือหงุดหงิด หัวเสีย พิมพ์อะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจต้องมานั่งลบแล้วพิมพ์ใหม่ตลอด กับอีกจุดนึงคือ ปุ่ม shift ที่ด้านขวา

สำหรับโปรแกรมเมอร์ที่ต้องใช้ปุ่ม shift ด้านขวาบ่อยๆ ในการกดเพื่อที่จะพิมพ์ { } ในการเขียนโปรแกรมนั้นอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษครับ เพราะปุ่มตรงนี้มันเล็กมาก ไซส์เทียบเท่ากับปุ่มคีย์อื่น ทั้งๆ ที่ปุ่ม shift มันควรจะยาวเพราะนิ้วนาง หรือนิ้วก้อยมือขวานั้นมันไม่มีแรงมากพอที่จะไปกดค้างไว้ หรือกดให้มันถูกระหว่างปุ่มลูกศรขึ้น กับปุ่ม shift ที่เป็นปัญหาตรงนี้ แต่รู้สึกว่าพิมพ์งานสนุกขึ้นมาก น้ำหนักของคีย์บอร์ดนี้ก็ไม่ได้เยอะ สามารถพกพาออกไปไหนต่อไหนได้สบาย การเปลี่ยนปุ่ม หรือนำออกมาทำความสะอาดก็ไม่ยากเย็น เพียงแค่ดึงแป้นคีย์ออกมาตรงๆ ปุ่มก็จะหลุดออกมาให้เราสามารถเปลี่ยนหรือทำความสะอาดได้เลยทันที

[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=5tMEZlRY9m8[/youtube]

ตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้คีย์บอร์ดตัวนี้ก็พบว่า productivity ของตัวเองน่าจะตกลงไปราว 20-30% ซึ่งเป็นผลมาจากการพิมพ์ผิดแล้วก็ต้องมาเสียเวลานั่งลบ สุดท้ายก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าจะชินกับ layout แบบนี้หรือเปล่า หรือจะต้องขายทิ้งแล้วเปลี่ยนไปใช้คีย์บอร์ดธรรมดาแบบเดิมที่สามารถพิมพ์ได้แม่นยำกว่า แต่ถ้าใครที่ใช้พิมพ์แต่ภาษาอังกฤษก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พิมพ์งานได้ราบรื่น แม่นยำไม่ผิดเพี้ยนดี

ใครที่สนใจอยากจะลองซื้อมาใช้งานบ้างก็ลองเข้าไปดูในหน้าแคมเปญ lofree ได้เลยครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าสั่งไปตอนนี้จะได้มาใช้งานจริงๆ เป็นช่วงเดือนไหน เพราะความต้องการมีมากขึ้น บางทีอาจจะรอคิวยาวไปถึงเดือน 10 เลยก็ว่าได้ ราคารวมค่าส่งอยู่ที่ 110$ หรือประมาณ 3,500 บาทไทย