ผมชอบย้อนกลับไปดูเรื่องเก่าๆ หรือรูปเก่าๆ ที่เคยถ่ายไว้ ถึงแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนที่อัพเดทเขียนบล็อกบ่อยเหมือนแต่ก่อน หรือถ่ายรูปอะไรเยอะแยะ อย่างมากก็อาทิตย์นึงสองสามรูป แต่กลับเริ่มรู้สึกเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากวันเก่าถึงวันนี้ เหมือนช่วงสมัยเรียนเราดูแลตัวเองดีกว่าตอนนี้ ทั้งเรื่องการแต่งตัว ทรงผม หรืออะไรบนใบหน้าก็ตามแต่ แต่กลับรู้สึกว่าการปล่อยปละละเลย หลวมตัวจากสิ่งเหล่านั้นให้เป็นตัวเองกลับรู้สึกดีกว่า
ไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้งานเยอะด้วยหรือเปล่า เลยอาจจะไม่ได้สนใจในจุดนั้น
เราเองมีความฝันว่าจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งกันอยู่แทบทุกคนครับ แต่บางทีความฝันนั้นแค่ได้ทำก็เป็นความสุขถึงมันจะยังไม่สำเร็จ หรือปลายทางมันอาจจะไม่สำเร็จก็เถอะ ยิ่งโตขึ้นความคิดก็ยิ่งมากขึ้น บางครั้งก็รู้จักการแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าสังคมได้ดีขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย
ผมดูรูปเก่าๆ แล้วนึกถึงความสนุกที่อยู่ในรูปตอนนั้น เทียบกับความรู้สึกตอนนี้ที่ใช้เวลาเขียนบล็อกประมาณ 5-15 นาที คิดแล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้มันเหมือนมีโซ่ผูกอยู่ทั้งขาทั้งแขน สัญญาณโทรศัพท์แทบจะมัดมือมัดเท้าไม่ให้เราได้มีเวลาของตัวเองเท่าไหร่นัก การวิ่งไล่บี้ความฝันมันทำให้เรารู้สึกเหมือนมีพันธนาการรายล้อม และบีบมัดไม่ให้เราไปหน่อยด้วยหรือเปล่านะ? หรือว่าที่จริงแล้วมันก็แค่เรื่องง่ายๆ ที่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เราก็จะมองย้อนกลับมามองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องนึงอย่างที่มันควรจะเป็น
หรือบางทีเราก็อาจจะเป็นตัวเองมากเกินไป
ผมเคยรู้สึกว่าช่วงที่ตัวเองเป็นตัวเองมากๆ จะไม่ค่อยเปิดรับอะไรภายนอกเท่าไหร่ บางครั้งก็กลัวว่าคนรอบข้างจะรับการที่เราเป็นตัวเองแบบนี้ไม่ไหว หรือบางทีก็รู้สึกดีที่ใครคนอื่นรับสิ่งที่เราเป็นไม่ได้ ก็ไม่ต้องเข้ามาเหมือนเป็น filter ไปภายในตัว การตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นเป็นสิ่งที่ผมเองนั้นแก้ไม่หาย.. หรือไม่อยากแก้ด้วย? อยู่ๆ เดี๋ยวรู้สึก down ก็อยากจะออกไปนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวที่ร้านกาแฟร้านประจำ หรือร้านนั่งมุมเดิมๆ
เหมือนจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เป็นแบบนี้ แต่ในมุมนึงก็รู้สึกดีที่ได้ใช้ชีวิตเป็นตัวเองอย่างที่ไม่ต้องฝืนอะไร.