ถ้าพูดถึงเขาใหญ่หรือปากช่องเนี่ย ผมมักจะไปบ่อยอยู่ครับ สักเดือนสองเดือนครั้งอาจจะเพราะติดใจธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ใบเขียว แล้วก็เดินทางไม่ยากลำบากนัก ขับรถเองจากกรุงเทพฯไปก็ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้ แต่ถ้าเลยไปอีกหน่อยคือตัวเมืองนครราชสีมา หรือแถบที่เที่ยวที่กินในโคราชเนี่ยยังไม่เคยได้ไปสักครั้ง พอลาสิกขาออกมาแล้วก็เลยกะว่าจะไปพักผ่อนเสียหน่อยก่อนเริ่มทำงานเดือนใหม่ แพลนคือไม่มีแพลนอะไรเลย พอดีแฟนผมได้จองที่พักราคาถูกจากในงานเที่ยวไทยมาก็เลยตัดสินใจไปกันเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งเป็นวันธรรมดา การเดินทาง การหาร้านกินเลยง่ายหน่อย ไม่ต้องไปแย่งใครเสียเท่าไหร่
ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องขับไปไกลถึงโคราช ไอ้เราก็นึกว่าจะแถวๆ วังน้ำเขียวอะไรทำนองนี้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของ เที่ยวเล่น กินจริง ในโคราช 3 วัน 2 คืน ช่วงนี้กล้องมือถือเริ่มจะพังแล้วครับ เลยไม่ค่อยได้เก็บภาพมาลงบล็อก เลยคิดว่าแปะเป็น Google Maps ไปก็ไม่เสียหาย
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม)
หลังจากตกใจว่าทำไมทริปนี้ขับรถมาไกล ไหนๆก็เข้าตัวเมืองโคราชด้วยแล้ว เลยเข้าไปสักการะย่าโมเสียหน่อย ช่วงเที่ยงอากาศในช่วงนั้นไม่ร้อนมาก แดดจัดก็จริงแต่อุณหภูมิคิดว่ายังไงกรุงเทพฯก็ยังร้อนกว่า หลังจากสักการะย่าโมแล้วก็เลยหาร้านกินข้าวง่ายๆสักหนึ่งร้าน เอาเป็นไม่ต้องขยับรถ เดินดูในละแวกลานแล้วกัน
ชุมพลข้าวมันไก่
ร้านนี้ใกล้ดีครับ เดินไปทางด้านหลังของอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งก็ถึงร้านแล้ว เมนูที่แนะนำของร้านนี้เลยคือ ข้าวมันรวมมิตร มีทั้งไก่ต้ม ไก่ทอด หมูกรอบ หมูแดง กุนเชียงรวมมาให้เลยในจานเดียวกัน แล้วราคาก็ไม่แพงด้วยนะ จานละ 50 บาทกินคุ้มเลย จากคะแนนเต็ม 5 ผมให้ 4 ดาวเลยล่ะ
ร้านกาแฟชมดาว
ใครที่ติดกาแฟแบบผม หลังจากทานข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้วก็อาจจะต้องไปหากาแฟดื่มกันใช่ไหมครับ ที่จริงแล้วหน้าลานย่าโมเองก็มีร้าน Amazon อยู่นะ แต่ไหนๆก็มาโคราชแล้วทั้งที ลองหาร้านแนะนำในจังหวัดดีกว่า แล้วร้านกาแฟแรกก็เป็นร้าน กาแฟชมดาว นี่แหละครับ อาจจะออกจากตัวเมืองมานิดหน่อย แต่เห็นดีกรีของบาริสต้าร้านนี้แล้วคิดว่าน่าจะคุ้มที่ต้องลอง กาแฟหอม รสชาติกลมกล่อมไม่เข้มไม่อ่อนจนเกินไป เหมาะกับเป็นกาแฟช่วงบ่าย
มีที่จอดรถ ร้านนั่งสบาย กาแฟกลมกล่อมให้ 4 ดาวครับ
ร้านอาหารระเบียงแก้ว
รีสอร์ทที่ผมพักอยู่เนี่ยค่อนข้างไกลจากตัวเมืองโคราชเยอะเหมือนกันครับ(ดูจาก maps ก็เกือบ 18 กิโลไปทางขอนแก่น) เลยกะว่าถ้าจะต้องออกจากที่พักแล้วก็อยากจะแวะกินเที่ยวในเมืองให้เรียบร้อยเลย แล้วค่อยเข้ามาทีเดียว ตกเย็นผมเลยแวะเข้าไปกินในเมืองชื่อร้านว่า ระเบียงแก้ว ร้านนี้มีให้นั่งทั้งในสวนและห้องแอร์ ผมไปกันสองคนสั่งอาหารสามอย่างคือ ไข่ตุ๋นกุ้งหม้อไฟ, น้ำพริกลงเรือ, ต้มยำกุ้งถ้วยเล็ก รสชาติปานกลางไม่จัดมาก ค่าใช้จ่ายประมาณ 400 ปลายๆ
มีที่จอดรถในร้าน ห้องน้ำสะดวกและสะอาดมาก อาหารถูกกว่ากรุงเทพฯ ให้ 4 ดาว
นมโค’ราช
ดูใน Google Maps ไม่เจอ แต่พิกัดร้านคือ 14.978343, 102.105677
หลังจากมื้อหนักก็อยากจะได้มื้อเบาก่อนกลับที่พัก ถามพนักงานในร้านระเบียงแก้วจึงได้ความว่ามีร้านนมอยู่ใกล้ๆ กันชื่อว่า นมโค’ราช เป็นร้านนมที่ตกแต่งร้านสไตล์ลอฟต์ได้เก๋มาก รสชาติของนมสดนั้นออกหวานนิดๆ แต่ไม่มาก(ผมเป็นคนไม่ทานหวาน) แต่อร่อยครับ ปังหน้าต่างๆ ก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน ร้านเป็นร้านเล็กๆติดถนนจึงต้องจอดรถริมฟุตบาท
นมสดรสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ชอบครับให้ 4.5 ดาว
วัดศาลาลอย
วันที่สองเริ่มต้นทานข้าวเช้าที่รีสอร์ทจากนั้นช่วงใกล้ๆ เที่ยงก็ตั้งใจขับรถเข้าไปเที่ยวในเมืองโคราชอีกครั้ง และที่เที่ยวแรกของวันนี้คือ วัดศาลาลอย ผมเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อหรอกครับ พนักงานในรีสอร์ทแนะนำมา ประกอบกับแฟนเคยได้ยินจากรายการของหมอลักษณ์ที่ให้มาแก้อะไรสักอย่างที่วัดนี้
ตัววัดมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ คิดว่าน่าจะเป็นวัดใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดได้เหมือนกัน มีทั้งปิดทอง ให้อาหารปลา ปล่อยปลา ไถ่ชีวิตโคกระบือ คล้ายๆ กับวัดบัวขวัญแถวบ้านผม หรือวัดท่าการ้องแถวอยุธยาประมาณนั้น
วัดใหญ่กว้างขวาง มีหลายศาลาให้สักการะ ที่จอดรถพร้อมให้ 4 ดาว
สเต็กกะทะร้อน
ต้องบอกว่าแต่ละที่ๆ ไปกินไปเที่ยวเนี่ยเปิด Google maps นำไปตลอดครับ สับกับแอพฯ Wongnai ที่คอยแนะนำร้านน่าสนใจบริเวณใกล้เคียง ช่วงก่อนบ่ายผมเลยจิ้มไปที่ร้าน สเต็กกะทะร้อน แต่เจ้า Google Maps ดันพาไปเข้าไปทางลัดหรือยังไง เจอทางที่กำลังลาดใหม่ๆ มีหลุมขรุขระพร้อมกับวางสิ่งกีดขวางถนนนั้นเพียบ กว่าจะขับมาถึงร้านได้ก็เหนื่อยอยู่พอสมควร
แต่คิดว่าได้มาทานที่นี่แล้วคุ้มกับที่เหนื่อยอยู่ครับ รสชาติอร่อย แล้วก็ให้เยอะมาก ที่สำคัญราคาไม่แพง สั่งสเต็กไก่มา 2 จานพร้อมกับสลัดอีกจานนึงราคารวมเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 200 บาท ให้ 5 ดาวเลยครับ (ร้านนี้ปิด 3 โมงต้องรีบมาหน่อย)
ร้านกาแฟฮูย่า
เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนคือต้องหากาแฟดื่มหลังข้าวเที่ยง และร้านที่ไปตามแอพฯ แนะนำคือร้านที่ชื่อว่า กาแฟฮูย่า เป็นร้านที่ตกแต่งสไตล์แบบโรงน้ำชาจีนแต่เป็นสมัยใหม่ ข้างในโมเดิร์นแอร์เย็นนั่งสบาย มีโซนที่นั่งในสวนด้วยนะ ร้านนี้กาแฟรสชาติกลมกล่อมไม่แพ้ร้านกาแฟชมดาวที่ไปวันแรก ประกอบกับมีขนมปังสังขยารสชาติเยี่ยมอีก กาแฟแก้วละ 40 บาท ขนมปังไม่เกิน 50 บาท รวมเบ็ดเสร็จผมจ่ายไปไม่เกิน 200 ร้านบรรยากาศดี ที่จอดรถจอดริมข้างทางให้ 4.5 ดาวเลยครับ
สวนสัตว์นครราชสีมา
บ่ายแก่ๆ ไอ้เราก็ไม่อยากขับรถกลับที่พักแล้วค่อยออกมาหาร้านอาหารตอนเย็นเพราะมันไกล ไหนๆก็ออกมาเที่ยวแล้วก็เลยนั่งหาจุดหมายปลายทางใหม่ จึงได้ที่ สวนสัตว์นครราชสีมา เนี่ยแหละครับที่น่าสนใจอยู่ ตอนแรกก็ขับตาม Google Maps เหมือนเดิม พอไปถึงบางจุดถนนกลับเป็นทางเข้าค่ายทหาร บางประตูปิดไว้ผ่านไม่ได้ เลยต้องวนหาทางเข้าอื่นอยู่รอบสองรอบ
จนมาถึงสวนสัตว์จนได้ ช่วงเย็นๆวันศุกร์เนี่ยเหมือนกับว่าผมมาเที่ยวส่วนตัวเลยจริงๆนะ เช่าจักรยานปั่นกันแทบไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย ปั่นเล่นกันจนเย็นได้เข้าไปดูนั่นดูนี่ จากที่จำความได้ เราเองก็ไม่ได้มาสวนสัตว์เกือบจะสิบปีแล้วด้วยซ้ำ พอได้เข้ามาสัมผัสก็รู้สึกอบอุ่นสนุกเหมือนย้อนวัยยังไงยังงั้น
สถานที่กว้างขวาง จอดรถในร่ม ค่าเช่าจักรยาน 20 บาท ให้ 4 ดาว
สวนน้ำบุ่งตาหลั่ว
เที่ยวเล่นอยู่ในสวนสัตว์ได้ประมาณเกือบชั่วโมงก็ต้องย้ายกันออกมาแล้วครับ เพราะที่สวนสัตว์ปิด 5 โมงเย็น เราเองก็ไม่อยากอยู่จนค่ำด้วยเพราะไม่ชินทาง แต่จะให้หาอะไรกินเลยก่อนเข้าที่พักก็กระไรอยู่ เพราะเพิ่งดื่มกาแฟไปเมื่อชั่วโมงเศษๆ เลยคิดว่าน่าจะหาที่เดินเล่นกินบรรยากาศเสียหน่อย ค้นไปค้นมาก็ไปเจอสวนที่ชื่อว่า บุ่งตาหลั่ว ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มาก จะบอกว่าเป็นสวนสาธารณะของเมืองโคราชเลยก็ว่าได้ ที่นี่เหมาะกับนักปั่นจักรยานเพราะมีเลนส์ปั่นตั้งแต่ถนนรอบนอกยันเข้ารอบข้างใน
คนทั่วไปก็สามารถเดิน ออกกำลังตามเครื่องเล่น หรือจะพายเรือคายัคที่มีจุดบริการนักท่องเที่ยวภายในแอ่งน้ำนั้นก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นสวนสาธารณะในค่ายทหารที่ใหญ่โต ปลอดภัย แล้วก็เหมาะกับการออกกำลังกายโดยแท้จริง ให้ 4.5 ดาวครับ
กระต่ายขาวซีฟู๊ด
ร้านนี้เห็นตั้งแต่วันแรกที่ขับรถกลับที่พักแล้วครับ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานอาหารทะเลอยู่แล้วเป็นทุน เลยกะว่าวันที่สองนี้จะเข้ามาลองชิมอาหารทะเลในเมืองโคราชบ้าง ร้านกระต่ายขาวซีฟู๊ดอยู่ติดถนนมีที่จอดทั้งของร้านเองและริมฟุตบาท แต่มีเด็กรับรถคอยเดินดูแลให้อย่างทั่วถึง อาหารค่อนข้างสด รสชาติดีไม่แพ้แถบบางขุนเทียน ผมสั่งทั้ง กระพงทอดน้ำปลา ต้มยำรวมมิตร ทะเลผัดฉ่ากะทะร้อน ข้าวผัดปู และเบียร์ไฮเนเก้นอีกเหยือก ถ้าเป็นกรุงเทพฯ ปริมณฑลก็คงจะโดนอย่างน้อยพันนิดๆ แต่ที่นี่ไม่ถึงพันครับ
ราคาโอเค ให้เยอะ อาหารรสชาติจัดจ้านดี ให้ 4.5 ดาว
ปึงหงี่เชียงของฝาก
วันที่สามหลังจากเช็คเอาท์ที่รีสอร์ทเรียบร้อยแล้วก็แวะซื้อของฝากระหว่างทางกลับบ้านที่โรงงาน ปึงหงี่เชียง จะเรียกว่าเป็นพวกแม่กิมทั้งหลายที่เพชรบุรีก็ได้ เพราะสไตล์การขายของจัดวางของฝากนั้นแบ่งเป็นโซนให้เดินเลือกได้ง่าย ราคามีตั้งแต่ 30 บาทไปจนถึง 500 บาท ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารแห้ง ขนม ถ้าแวะมาโคราชแล้วอยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากที่บ้าน ที่ทำงานก็มาที่นี่ได้เกือบครบทุกอย่างแล้วล่ะครับ
ด๊ะดาด สเต็กจิ้มก๊ะแจ่ว
ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็แวะกินสเต็กอีกสักร้าน คือตอนแรกว่าจะไปกินข้าวมันไก่ขิงสด เฮียดุลย์ แต่ร้านแกปิดวันนั้น พอจอดรถอยู่หน้าร้านกำลังตัดสินใจว่าจะกลับไปหาอะไรกินระหว่างทาง หรือหาร้านอื่นแถวนี้กินไปก่อน มองไปฝั่งตรงข้ามก็เจอร้าน ด๊ะดาด สเต็กจิ้มก๊ะแจ่ว อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านพอดี เลยเข้าไปลองเสียหน่อย ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องสเต็กเนื้อ จัดตกแต่งร้านออกแนวคันทรีอารมณ์ประมาณคาวบอย มีเมนูพื้นบ้านให้เลือกสรรค์อยู่พอสมควร แต่ติดตรงที่เราไม่ค่อยทานเนื้อกันครับ เลยสั่งเป็นข้าวขี้เมากุ้ง กับสเต็กหมูร้องไห้มาลองทาน เสียดายไม่ได้ทานเนื้อวัว ให้ร้านนี้ 3.5 ดาวครับ
จบทริปโคราช 3 วัน 2 คืน อาจจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะออกไปทางแนวกินมากกว่าแนวเที่ยว แต่ก็อย่างว่าละครับ เราเองก็ไม่ได้เตรียมแผนการเดินทางมาด้วย ไหนเพิ่งจะรู้ว่าที่พักอยู่โคราช ไหนจะต้องมานั่งเปิด Google Maps ตลอดทุกเส้นทางอีก แต่โดยรวมแล้วก็น่าประทับใจครับ อาหารการกินที่เที่ยวไม่ได้ราคาแพงเหมือนกับในกรุงเทพฯที่เราคิดไว้ในตอนแรก