Synology DiskStation
อันที่จริงแล้วผมเริ่มใช้ Nas storage มาได้ร่วมปีเศษแล้วครับ แต่ในตอนแรกผมเองก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของมันเสียเท่าไหร่ จำได้ด้วยว่าซื้อมายังไม่ถึงเดือนก็อยากจะขายทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ แต่พอใช้ไปใช้มา มันกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผมในเรื่องของการสำรองข้อมูลแล้วก็เก็บนั่นเก็บนี่ ไหนจะเรื่องดาวน์โหลดพวกไฟล์ทิ้งไว้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพ์ทิ้งไว้อีก แล้วช่วงเดือนที่ผ่านมาเจ้า DiskStation ของผมเนี่ยมันพัง ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนเปิดไม่ติดไฟไม่เข้า
พอไม่มีใช้เกือบๆเดือนก็เริ่มทำอะไรลำบาก เลยต้องหาตัวใหม่มาใช้งานแทน ก็เลยคิดว่าตัวเองเพิ่งจะเห็นความสำคัญของพวก nas storage ส่วนตัว เลยอยากจะเก็บมาเขียนว่าทำไมมันถึงช่วยคนที่ใช้โน้ตบุค หรือคอมที่มีพื้นที่น้อยๆ อย่างผมสักหน่อย
ผมเองใช้ Macbook Pro Retina ที่เขียนไปในบทความเก่า(Macbook Pro Retina) ซึ่งมันเป็น SSD ที่มีขนาดความจุเพียง 256GB สำหรับใครที่เอาไว้ทำงานอย่างเดียว ไม่ได้เก็บไฟล์ข้อมูลอะไรไว้เยอะ หรือมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะใช้งานควบคู่กันไปด้วยก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรมากนัก แต่สำหรับผมที่ใช้งานเป็นเครื่องหลัก เปิดทำงานตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด พอนานเข้าไฟล์ก็เยอะขึ้น ไหนจะไฟล์งาน, ไฟล์กราฟฟิค, รูปภาพที่ต้องเก็บไว้ใช้ประกอบงาน, รูปภาพความทรงจำส่วนตัว แล้วไหนจะไฟล์เพลงที่ซื้อมาเก็บไว้อีก
ถึงแม้ตัวเองจะขี้งกเรื่องพื้นที่แค่ไหน ไฟล์มันก็เยอะขึ้นจนเคลียร์ออกไปไม่ไหวแล้ว ก็เลยต้องพึ่งเจ้า nas storage เนี่ยแหละครับ
DiskStation DS215j
เครื่องแรกที่ผมซื้อมาใช้เมื่อปีที่แล้วคือ DiskStation DS115j เป็นของยี่ห้อ Synology ซึ่งตอนนั้นเองก็ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ อย่างแรกเพราะส่วนตัวไม่เคยใช้ nas storage พวกนี้มาก่อน ความรู้สึกแรกที่ได้คือมันทำงานผ่าน UI ได้ช้ามาก อาจจะเป็นเพราะ ram เพียงแค่ 256MB แล้วไหนจะโอนไฟล์จาก disk station มาที่เครื่องใช้งาน(ผ่าน wifi) มาได้ค่อนข้างช้า เรื่องอัพโหลดไฟล์จากเครื่องเราขึ้นไปนี่แทบไม่ต้องพูดถึงเลย
แต่พอใช้งานไปสักพักก็เริ่มเข้าใจมันบ้าง ด้วยสาเหตุที่มันถูกออกแบบมาให้ใช้ไฟน้อย เปิดใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุดพัก อยากจะ access เพื่อเข้ามาจัดการไฟล์ หรือระบบอะไรภายใน harddisk ก็ทำได้เลยแบบทันที ไม่ว่าจะอยู่ข้างนอกบ้านที่ใช้ 3G หรือจะภายในบ้านที่ใช้ wifi วงเดียวกัน ซึ่งในบ้านจะ access ได้ผ่าน internal ip ความเร็วในการ access ก็ปรกติไม่ได้รู้สึกช้าอะไร แต่นอกบ้านจะต้องใช้ url ของ quickconnect ซึ่ง synology ทำเรื่อง dns อะไรให้เสร็จสรรพ์ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่มเติม
การติดตั้ง การใช้งาน
ผมติด user interface ของ Synology อยู่พอสมควรเลยครับ เนื่องจากคิดว่ามันใช้งานได้ค่อนข้างง่าย อัพเดท firmware ให้บ่อย แล้วก็ช่วยในเรื่องการติดตั้งได้เยอะ DS215j อันใหม่ที่ซื้อมานี่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ใส่ harddisk เข้าไปแล้วเสียบแลน, สายไฟไปที่ disk station จากนั้นก็เข้าไปที่เว็บไซต์ assistant ของ synology ให้ช่วยหา disk station ภายในวง network เราให้ แค่นั้นก็พร้อมใช้งานแล้ว
DS215j ที่ซื้อมาใหม่นี้ต่างจากตัวแรกที่ผมใช้อยู่ตรงที่ว่า มี ram มาให้ในตอนแรกที่ 512mb, cpu เป็น model ที่ใหม่กว่าและเร็วกว่า อีกทั้งยังสามารถใส่ harddisk ได้ 2 ลูกในเวลาเดียวกัน เวลาใช้งานก็ให้มองมันเป็น ระบบปฏิบัติการของมันเองเลยก็ได้ครับ เพราะสามารถล็อคอิน ตั้งค่าความปลอดภัย การสำรองข้อมูล หรือแม้แต่ลงโปรแกรมเสริมเองได้ด้วย
ที่ผมชอบมากคือ Download Station ที่ทำหน้าที่คล้ายกับโปรแกรม bit torrent คือสามารถรับไฟล์ประเภท .torrent หรือจะเป็นไฟล์ซอฟแวร์ทั่วไปอย่าง .zip, .rar, .dmg, .exe โหลดทิ้งไว้ได้โดยที่เมื่อเพิ่ม task ที่ต้องการดาวน์โหลดเข้าไปในนั้นแล้ว เจ้าตัว download station จะทำงานของมันเองให้เลย โดยที่เราไม่ต้องสนใจจะปิดคอมพ์ หรือออกไปข้างนอกเลยก็ได้
ส่วนตัวเลยคิดว่า nas storage ส่วนตัวเริ่มจะมีประโยชน์แล้วก็ช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาอีกหน่อย เพราะไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องของพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องหลักที่ใช้งานอยู่ อันไหนไม่ค่อยสำคัญก็โยนเก็บไว้ที่ disk station ก่อนได้ พออยู่ข้างนอกแล้วนึกอยากจะใช้ก็แค่ดึงไฟล์เข้ามาไว้ที่เครื่องก็ค่อนข้างสะดวกดี ไหนจะประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกับการเปิดคอมพ์ทิ้งไว้นานๆ ด้วยซ้ำ
คือมันอาจจะไม่ได้รวดเร็วอะไรเหมือนกับพวก cloud storage อย่าง Dropbox, Google Drive ฯลฯ แต่มันก็สะดวกในเรื่องการเข้าถึง ความเป็นส่วนตัว พื้นที่การเก็บข้อมูล แล้วก็ซอฟแวร์อื่นๆ ที่ติดตั้งเพิ่มเองได้ครับ