ทริปแรกของอายุ 24
ที่จริงแล้วผมตั้งใจจะออกไปพักผ่อนช่วงวันเกิดตัวเองอย่างที่เขียนไปในบทความก่อน(เป็นบล็อกเกอร์มา 4 ปี) แต่ด้วยงานที่เข้ามาค่อนข้างเยอะเลยต้องจัดการเคลียร์งานเก่าก่อนออกต่างจังหวัดสักหน่อยเผื่อจะไม่มี Wifi ให้ใช้ อะไรๆจะได้ไม่ด่วนกลับมาแล้วจะได้ไม่เหนื่อยนั่งทำงานต่อมาก และทริปแรกของอายุ 24 นี้ตั้งใจว่าจะไปสวนผึ้ง หลังจากที่ผลัดแล้วผลัดอีกจากคำเชิญชวนของคนใกล้ตัวหลายต่อหลายคน สารภาพเลยว่าตอนแรกคิดว่าสวนผึ้งจะเป็นทางหินทางดินแดง หรือประมาณว่าหาอะไรค่อนข้างลำบากแล้วก็ยังไม่เจริญ แต่หลังจากที่หาข้อมูลหรือสอบถามมาสักพักก็ได้ความว่าสวนผึ้งนี่ก็เจริญพอกับเขาใหญ่เหมือนกัน.. (จริงหรอวะ)
เก็บกระเป๋าเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปราชบุรีในเช้าวันพฤหัสที่รถโครตจะติด ตอนแรกกะออกจากกรุงเทพฯ ประมาณสิบโมงเช้าน่าจะถึงราชบุรีไปเยี่ยมญาติน่าจะถึงราวสักเที่ยง แต่ที่ไหนได้ดันมาติดอยู่บนทางด่วนกว่าจะลงมาถึงแยกประชานุกูลก็ล่อไปร่วมชั่วโมงครึ่งแล้ว สรุปแล้วออกจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางผ่านพุทธมณฑลประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง ระหว่างทางรถมีติดบ้างเล็กน้อยช่วงนครปฐม แล้วก็มาถึงตัวเมืองราชบุรีประมาณร่วมบ่ายโมงพอดิบพอดี
ผมเองไม่ได้มาราชบุรีประมาณ 5-6 ปีแล้วหลังจากที่เมื่อก่อนสมัยเด็กต้องมาราชบุรีปีละครึ่ง เพื่อมารวมญาติกราบไหว้บรรพบุรุษ หรือที่เขาเรียกกันว่า เชงเม้ง นั่นแหละ แต่เมื่อก่อนก็ยังไม่มีรถ ไม่ได้สนใจเส้นทางอะไรสักเท่าไหร่ ตอนนี้ก่อนจะมาเลยต้องดูแผนที่ไปด้วยแล้วก็เปิด Google Maps ไปด้วยกันหลง หลังจากทำธุระเสร็จก็มุ่งหน้าไปทางสวนผึ้ง โดยแวะทานอาหารที่ร้านเรือนทิพย์ เป็นร้านอาหารที่ให้เยอะแล้วก็ราคาไม่แพง รสชาติจัดจ้าน คนที่ชื่นชอบรสเผ็ดน่าจะถูกใจเป็นอย่างดี
หลังจากขับตรงเข้าไปได้ร่วม 30 กิโลก็มาเจอกับพี่ที่เป็นญาติกันช่วยขับรถนำพาไปส่งต่อถึงที่พัก ซึ่งที่พักนี่เขาก็ดูแลติดต่อเรื่องจองอะไรให้เรียบร้อย ค่อนข้างอยู่ลึกพอสมควรแต่บรรยากาศความเป็นส่วนตัวนี่ถือว่าคุ้มค่ามากที่ได้มาพักที่นี่ รีสอร์ทเป็นกระท่อมปูนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีสองห้องมีบาร์นั่ง ระเบียงสองชั้น สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นกาน้ำร้อน ที่ปิ้งขนมปัง ดูแล้วเหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นครอบครัวใหญ่ หรือพาเพื่อนมาสังสรรค์ในบรรยากาศท่ามกลางหุบเขา
ที่พักนี้ชื่อว่า daddy’s home ซึ่งทางเข้าอยู่ติดกับกระท่อมปูน ใกล้ๆกับ Scenery vintage farm สวนผึ้ง และ Swiss valley hip resort สวนผึ้งเลย ตอนแรกก่อนวันที่ไปพักก็นั่งหาข้อมูลในเน็ตอยู่ตั้งนาน หายังไงก็หาไม่เจอ (ทั้งที่ตัวเองเป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานกับคอมแท้ๆ) ก็เลยคิดว่าที่นี่คงไม่มีท้ัง Facebook page หรือเว็บไซต์เป็นของตัวเองด้วย เลยตัดสินใจไปหาทางหรือไม่ก็ถามทางคนแถวนั้นเอา ที่พักนี่มีทั้งหมด 7 ห้อง มีห้าหลังเล็ก และหนึ่งหลังใหญ่ที่มีสองห้องนอนในตัว ทุกห้องมีดาดฟ้าสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปนั่งพักผ่อนชมวิวได้
ส่วนมากคนที่มาพักจะเหมือนกับว่าบอกต่อปากต่อปากกันมามากกว่า เลยไม่มีข้อมูลอะไรมากในเน็ต ซึ่งแน่นอนว่าบทความนี้อาจจะทำให้ใครหลายคนเห็นทัศนียภาพบางส่วนของที่พักที่นี่ แล้วผมก็บอกได้เลยว่าค่อนข้างประทับใจมากๆ อาจจะเป็นเพราะผมเองเป็นคนที่ชอบสไตล์นี้อยู่แล้วก็เป็นได้ ส่วนใครที่อยากจะไปพักผ่อนสบายๆเหมือนโรงแรมหรูก็อาจจะไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่นัก
โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบเล่าเรื่องของกินมากกว่าที่ท่องเที่ยวที่ไปมา ตลอดเวลา 3 วันสองคืนที่สวนผึ้งนี้ รู้สึกว่าจะมีที่ถูกใจร้านอาหารอยู่ 2-3 ร้าน ร้านแรกคือที่กล่าวไปคือเรือนทิพย์ ร้านที่สองอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยชื่อร้านว่า ครัวม่อนไข่ เป็นร้านอาหารไทยที่ร่มรื่นมีที่จอดรถสะดวกสบาย ราคาปานกลางที่ถูกกว่าไปกินแถบเขาใหญ่ และร้านสุดท้ายเป็นร้านอาหารฝรั่งที่ชื่อว่า Honey Scene อยู่ใน Scenery เป็นร้านที่ราคาไม่แพงเลยถ้าเทียบกับร้านอาหารฝรั่งในกรุงเทพฯ หรือบรรยากาศเดียวกันเช่นเขาใหญ่ เอาง่ายๆ ว่า Paulaner garden แถวบ้านผมน่าจะยังแพงกว่าด้วยซ้ำ บรรยากาศดี พนักงานเอาใจใส่ลูกค้า อาหารอร่อยเหมาะกับการไปทานอาหารค่ำหรือเป็นมือพิเศษก็ดีเลยครับ
ในระยะเวลาที่มาพักที่นี่ 2 คืน ก็รู้สึกเหมือนๆ กับตอนไปพักในโรงแรมลึกๆ แถวเขาใหญ่ที่ชอบไปหลายต่อหลายครั้ง เวลามาที่แบบนี้มีเขาโอบล้อม มีเสียงนกเสียงกา เสียงจิ้งหรีดรำไรตลอดวันตลอดคืนทำให้รู้สึกคิดแล้วคิดอีกว่า ไม่อยากจะกลับไปใช้ชีวิตวุ่นวายที่กรุงเทพฯ คือส่วนตัวก็รู้สึกมานานแล้ว แล้วก็ตัดสินใจแล้วว่ายังไงในอนาคตก็ไม่อยู่ที่กรุงเทพฯ แน่ๆ
แต่ทุกครั้งที่ได้ออกมาเจอแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะออกมาเร็วขึ้น จนบางทีเกิดความสับสนข้างในอยู่เสมอ.. จริงๆ แล้วสิ่งที่เราเหน็ดเหนื่อยสู้มาอาจจะไม่ใช่เพราะเราอยากได้ปัจจัยความสะดวกสบาย หรือมีเงินทองมากมายเพื่อใช้สนองความต้องการตัวเองไปวันๆหรอกครับ เราอาจจะต้องการเวลามากกว่าเงิน แต่แค่เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันยังคลุมเครือสำหรับคนวัยหนุ่มอย่างผมที่ยังมีแรงสู้ต่อในวันข้างหน้าก็เป็นได้
ของมีค่าของคนเราอาจจะไม่ใช่ของสิ่งเดียวกัน หรือเหมือนกัน..
สิ่งมีค่าของผมคงเป็นเวลา เหมือนกับที่ได้กล่าวไปในแทบทุกช่วงของบทความที่ผ่านมา