วันสบายที่ผู้กองฮุค
เป็นทริปแรกที่ผมไปเที่ยวโดยไม่ได้มีกล้อง DSLR ไปด้วย รูปประกอบทั้งเรื่องจึงเป็นภาพสังเคราะห์ที่ได้จากแอพฯมือถือ และ โพซิชั่นการถ่ายรูปแบบเดิมๆของผม แต่สำหรับผมนะ.. รูปที่สวย มันไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากอุปกรณ์ที่ดีเสมอ สำหรับผม การตีความ.. สวยงามเสมอ บางครั้งภาพที่สวยที่สุด อาจจะไม่ใช่ ภาพที่ชัดเจนที่สุดก็เป็นได้
ผมเริ่มเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้าจากกรุงเทพฯ ไปท่าเรือที่จังหวัดตราดเป็นเวลาร่วม 5 ชั่วโมงด้วยกัน แล้วก็ต้องขึ้นเรือสปีดโบ้ทไปเกาะกูดอีก 1 ชั่วโมง ผมมารู้ทีหลังเมื่อตอนที่ไปถึงที่พักแล้วว่าอีก 2 คืนต่อจากนี้ไม่ต้องออกไปไหน กินอยู่เล่นนอนที่นี่เลย ถือเป็นทริปรวมของ กัปตันฮุค เท่าที่ผมจำมา ราคาจะตกอยู่ที่ราวๆหัวละ 8 พันบาท อาหาร 3 มื้อ + ของว่างบ่าย 1 มื้อ
ด้วยสภาพอากาศที่เรียกได้ว่า โครตร้อน และ ผู้คนที่มาเที่ยวกันมากมายตามวันหยุดเทศกาล.. นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้ามัวคิดอย่างนั้น อีก 3 วัน 2 คืนที่เหลือบนเกาะนี้ ก็คงกร่อยครับ.. อย่าได้แคร์
ที่ Captain hook resort นี้บรรยากาศ และ ทำเลดีมาก รู้สึกได้ถึงบางมุมที่เป็นส่วนตัวเหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างจริงจัง ซึ่งในทริปรวมราคาต่อหัวนี้เองได้รวมบริการอื่นๆจิปาถะยิบย่อยไว้ด้วยเช่น พายเรือคายัค ดำน้ำ ดูกองไฟ และ เที่ยวน้ำตก โดยเฉพาะไอ้ตอนที่เขาบอกว่ามีเที่ยวน้ำตก เดินขึ้นเขาลงห้วยนี่ผมชอบมาก
แต่คนไปน้อยครับ อากาศร้อนๆแบบนี้ ยิ่งพนักงานที่อยู่บนเกาะบอกไม่ค่อยมีน้ำด้วย คนเลยไม่ค่อยอยากไปเที่ยวกัน แต่ผมก็ยังไม่ล้มความตั้งใจเดิม ไหนๆก็มาแล้วก็จัดให้คุ้มสักหน่อย
แต่ไปแล้วก็ผิดหวังเล็กน้อย เพราะน้ำที่แทบจะเรียกได้ว่าแห้ง ดูไม่เหมือนน้ำตกเลยแม้แต่น้อย ได้แต่เก็บบรรยากาศโดยรอบ ที่เหมือนทำให้คิดถึงเรื่องราวอะไรบางอย่างมากมายบริเวณนี้
พูดถึงกัปตัน ฮุค เกาะกูดแล้ว จากที่ผมเคยได้ยินมา รีสอร์ทนี้ค่อนข้างมีชื่ออยู่เหมือนกัน และ พอมาอยู่มาดูมาเห็นด้วยตัวเองแล้วก็ค่อนข้างประทับใจครับ พนักงานที่นี่ให้การต้อนรับดี ไม่ค่อยขาดตกบกพร่องอะไรเลย บรรยากาศก็สบายๆ ยิ่งผมเป็นคนไม่ค่อยอยากอยู่ในห้องเวลามาเที่ยวด้วย เลยไม่รู้จะไปไหน ก็นั่งบาร์รับลมตลอดวัน ฟังเพลง คิดอะไรไปเรื่อย..
ห้องพักเองก็มีหลายแบบแล้วแต่จะเลือก ซึ่งส่วนมากจะมีสระในตัว แต่สระค่อนข้างเล็ก ว่ายไม่ได้หรอกครับเหมือนราวกับว่าให้นั่งแช่นอนแช่เสียมากกว่า ส่วนห้องใหญ่ที่เน้นมาเป็นคณะเป็นครอบครัวก็มีสระใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีเก้าอี้ให้มองพระอาทิตย์ตกดินได้จากทุกห้องเลย
จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากเล่าอะไรเยอะครับ เพราะรู้ว่าเขียนไปมันก็ไม่ได้เศษเสี้ยวความรู้สึกที่ได้ไปอยู่จุดใดจุดหนึ่งจริงๆ เพราะฉะนั้น ผมจะให้ภาพเป็นผู้เล่าเรื่องทั้งหมดเองแล้วกันครับ อย่างว่า การตีความ, สวยงามเสมอ
เรื่องกินที่นี่ไม่ขาด ยิ่งใครชอบอาหารทะเลแบบผมน่าจะชอบมื้อเย็นของทุกๆวันที่เติมได้ไม่อั้น..
ถ้าเรารู้ว่าเราต้องการจะสื่ออะไร และได้ผลลัพธ์ตรงไปตรงมาอย่างที่เราต้องการจะสื่อจริงๆ .. ผมเชื่อครับว่าจะต้องมีคนที่ชื่นชอบภาพที่กำลังจะเล่าเรื่องแทนเรา
ร่องรอย และ เรื่องราว,
หากคลื่นที่กระทบ โขดหิน ตลอดเวลา
สร้างบาดแผลที่ไม่ลึก แต่ค่อยๆกินความรู้สึก
วันแล้ว-วันเล่า อย่างเชื่องช้า
โขดหินเหล่านั้น อาจะไม่รู้สึก เปลี่ยนแปลง-แตกต่าง
หากคลื่น คือลมหายใจของท้องทะเล
ที่ไม่สามารถแยกออก-จากกันได้
คงรู้สึกเหมือน ราวกับ
ใครสักคน ที่เจือปน ในลมหายใจ
และคอยเกาะกินความรู้สึกเราอย่างน้อยๆ
ตลอดเวลา..
Jir4yu.