ต่างมุมมอง ต่างความหมาย หรือต่างสิ่ง ?
เมื่อได้อยู่คนเดียว ความคิดและจินตนาการของคุณจะเดินพลุกพล่านอยู่ในหัวสมอง.. ไม่ต่างกับผม หลายครั้งที่ฟังความเห็น คำถาม คำตอบที่เอ่ยออกมาไม่ว่าจะผ่านตัวหนังสือ หรือถ้อยคำใดๆ ล้วนมีความหมาย ต่างความคิด ต่างมุมมอง มีทั้งดีร้าย บ้างทุกข์โศก บ้างสุขสันต์ แต่สิ่งที่เป็นคำถามอยู่ในตอนที่ได้ฟังตอนนั้นเอง .. ความรู้สึก จากมุมมองของใคร ?
ผมคิดว่าการหาคำตอบนั้นมี 2 ลักษณะ ( เท่าที่คิดได้ ) คือ ซีเรียสเพื่อหาคำตอบ กับ แค่อยากหาคำตอบ สิ่งต่างๆที่ออกมาจากคำพูดคำจา ความคิดการกระทำของคนอื่น คงแค่เป็นการอยากรู้.. ไม่ได้เหมือนการซีเรียสเพื่อหาคำตอบจากโจทย์คณิตศาสตร์ ตัวแปรคอมพิวเตอร์ หรือต่างๆนาๆ แค่อยากคิด อยากรู้ถึงความรู้สึก ผ่านมุมมองของใครบางคน.. แค่นั้น
จริงหรือเปล่า คนที่สงสัยมาก ย่อมรู้มาก .. หรือแค่สงสัยจึงหาคำตอบ เมื่อได้คำตอบจึงรู้ ยิ่งสงสัยมาก ยิ่งหาคำตอบมาก ยิ่งรู้มาก เป็นแบบนั้นหรือเปล่า ? ความคิดถัดมาจึงขึ้นมาที่ปลายนิ้ว …
นั่นน่ะสิ.. คำตอบ เป็นพรสวรรค์ของผู้หยั่งรู้ หรือเป็นรางวัลของผู้แสวงหากันแน่ คือบางที่ผมอาจจะโง่ก็ได้ที่ยังหาคำตอบที่ชัดเจนของประโยคที่เกิดขึ้นเองภายในหัวสมองไม่ได้ แต่ทุกประโยคล้วนมีความเห็น และทุกความเห็นก็เกิดจากมุมมองของคนที่คิดไม่เหมือนกัน บ้างว่าใช่ บ้างว่าดี บ้างว่าแย่ เสียงวิจารณ์ต่างๆนาๆที่มีให้เห็นในสังคม …
เมื่อวานผมเดินเข้าไปในร้านหนังสือ หนังสือมากมายหลายเล่มวางเรียงอยู่บนชั้น หนังสือหมวดที่ผมหยุดคิด และเห็นว่าน่าสนใจ.. “การพัฒนาตนเอง” จึงเดินเข้าไปดูสักครู่ หนังสือบางเล่ม ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ใครๆก็เขียนแบบนี้ได้ นั่นคือมุมมองของผม แล้วถ้ากลับกัน มุมมองของผู้เขียน เขาต้องการอะไร ถ้าผู้อ่านเห็นว่า .. ใครๆก็เขียนได้
ศิลปินส่วนใหญ่สร้างผลงานจาก.. แรงบันดาลใจ หากบอกว่า เราทุกคนคือศิลปิน แต่เป็น ศิลปินที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองก็เป็นศิลปิน เมื่อเราทุกคนเก่งกันคนละอย่าง บางคนก็เก่งอะไรไม่เหมือนกัน แล้วทำไม เราจะเป็นศิลปินไม่ได้ .. หรือเราขาดแรงบันดาลใจ หรือนั่นจะเป็นแค่มุมมองของใครบางคน ?
ก็ใช่.. มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ หรือว่าคนที่มีพรสวรรค์เท่านั้นจะเป็นได้ หรือ คนที่ขยันแสวงหากันล่ะที่จะเป็นได้
ความเป็นจริง ความคิดมักมีสองแง่ และมักขัดแย้งกันอยู่เสมอ ใช่เราเองหรือเปล่าที่เป็นคนต้องเลือกว่าจะใช้ความคิดอันไหน จนบางทีเรารู้สึกสับสน .. ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว บางทีเราต้องการอะไรกันแน่ หลายครั้งที่มีปัญหา หาทางออกไม่ได้ โดยไม่ได้เปลี่ยนมุมมองความคิดที่ตื้นเขินของเราออกไป
หลายครั้งที่เราคิดจะแก้ไข แต่อีกส่วนความคิดก็บอกเริ่มให้เริ่มใหม่ บางครั้งเราคิดที่จะเลือกลดความอ้วน แต่ก็หยุดที่จะกินของหวานที่เป็นของโปรดไม่ได้ หรือแม้แต่ คิดตั้งเป้าพบความสำเร็จในชีวิตที่สูงลิบลิ่ว แต่อีกใจคิดเสมอว่าสูงเกินไปจนไม่มีทางเป็นไปได้ ..
เหมือนเรากำลังจะเข้าป่าที่ไม่เคยรู้จึก เดินดุ่มๆเข้าไปวนเวียนอยู่ในนั้น หาทางรอดถามผีสางนางไม้ถึงทางออก จะเร็วกว่าการที่มีแผนที่หรือเดินตามพรานหรือเปล่า … ก็คงไม่ แต่กลับกัน หากมองต่างมุม คนที่หาทางออกกับอุปสรรคเอง เจอมาเยอะเจ็บมาร้อย ยังไงภูมิคุ้มกันก็ย่อมดีกว่า แล้วแบบไหนจะประสบความสำเร็จมากกว่า จะเดินตามคนอื่น หรือ ค้นหารอยเท้าของตัวเองไปหาทางออก.. ก็ต่างมุมมองอีกอยู่ดี
เมื่อรู้ว่าควรที่จะเดินยังไง จับมือจับเท้าตั้งตัวได้ ก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นเสีย คงไม่มีใครรู้เรามากกว่าเราอยู่แล้ว จะยากอะไรในเมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไร .. สิ่งที่ยากกว่า ก็คือ การหาทางที่ง่ายกว่านั่นแหละ
จริงๆแล้ว ที่เขียนออกแนวดราม่าในบทความนี้ก็ไม่ใช่เพราะอะไร .. อยากให้ใครหลายๆคน คิดในมุมมองของคนอื่นบ้าง เปิดใจรับความเห็นของเพื่อนมนุษย์คนอื่นบ้าง ทำอะไรก็คิดถึงความรู้สึกของผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำบ้าง สุดท้ายก็ขอให้คนที่มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต มีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง ขอบคุณที่อ่านความคิดในมุมมองของผม
Jir4yu.