กอล์ฟ

ผมเริ่มมาหัดตีกอล์ฟได้จริงจังสัก 3 เดือน ตลอดที่ผ่านมาหลายปีที่ทำงานเป็นผู้ประกอบการพบเจอคนและลูกค้ามากมายหลายประเภท หลายคนก็มักจะบอกว่าน่าจะเล่นกอล์ฟกับคนอื่นดูเขาบ้างน่าจะเป็นประโยชน์เรื่องการหา connection ในอนาคต แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้สนใจจนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนกันยา 67 เห็นเพื่อนคนนึงมาเริ่มตีกอล์ฟก็เลยถามเล่นๆว่าเป็นไงบ้าง แต่ก็ถามไปเฉยๆเพราะเห็นว่าเพื่อนเล่นกีฬาหลายชนิดอยู่แล้วทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน ตีแบด จนเห็นมาเล่นกอล์ฟ

จนเพื่อนผมก็บอกเหมือนคนอื่นว่าผมน่าจะลองเล่นกอล์ฟกับเขาดูบ้างด้วยเหตุผลเหมือนคนอื่นๆ แต่มีสิ่งนึงที่น่าสนใจตรงที่ว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่ไปเล่นคนเดียวได้ ไม่ต้องรอใคร ไม่เหมือนกับตีแบดที่ต้องนัดเพื่อน จองคอร์ด และจิปาถะอื่นๆ กับตอนไปทำงานต่างจังหวัดก็แบกถุงกอล์ฟไปตีออกรอบคนเดียวได้สบายๆ ก็เลยดลใจน่าจะเป็นกีฬาที่เหมาะกับตัวเองระดับนึง จากการเล่นกีฬามาหลายแบบ ตอนเด็กถูกที่บ้านผลักดันกับกีฬามาหลายประเภท กอล์ฟเป็นกีฬาที่ส่วนตัวเล่นแล้วรู้สึกว่าให้ความรู้สึกไม่เหมือนกับกีฬาอื่นๆที่เล่นมา

เมื่อก่อนจะมีความรู้สึกกีดกัดอยู่ลึกๆมาโดยตลอดกับกีฬานี้ เพราะหนึ่งคือมันใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงในการจริงจัง ไหนจะอุปกรณ์ ไม้ ลูก และอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมาย สองคือมันดูเป็นกีฬาที่ดูมีพิธีรีตรองระดับหนึ่งในเรื่องของการแต่งกาย กฏกติกาในการเข้าใช้สนาม และส่วนสุดท้ายคือส่วนตัวไม่ค่อยชอบการที่มีคนอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ และเรียกว่านาย มันเหมือนเป็นส่วนเล็กๆ และจุดเริ่มต้นของการแบ่งลำดับขั้นทางสังคม

สรุปลองเปิดใจไปเรียน ตั้งเป้าว่าจะยังไม่จริงจังไม่ซื้ออุปกรณ์อะไรเลย ไปเรียนก็ไปตัวเปล่าที่สนามไดรฟ์ ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าสนีคเกอร์ธรรมดาทั่วไป เรียนได้สัก 4-5 ครั้งเริ่มสนุก จนมารู้กับตัวเองได้ว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่ไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย หลักๆคือมันเกี่ยวกับตัวเองล้วนๆ โปรที่สอนบอกว่าตอนตีกอล์ฟเนี่ยถ้าเป็นไปได้ เราอยากจะจำทุกอย่างที่ทำให้เกิดเป็น perfect shot ในทุกครั้งที่เราตี เราต้องทำเรื่องเดิมซ้ำๆ ให้ร่างกายมันจำ เอาจริงๆมันก็คล้ายกับการที่เราทำงานเป็นผู้ประกอบการทุกวันนี้อยู่ลึกๆ เหมือนกัน

สิ่งที่หลายคนไม่ชอบคือการทำ routine แบบเดิมซ้ำๆ งานน่าเบื่อซ้ำๆ ซึ่งมันขัดกับภาพในหัวที่ว่าการเป็นผู้ประกอบการคือการฉีกทำตามแบบที่เราต้องการไม่อยู่กับวงจรเดิมๆ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่เลย การเป็นผู้ประกอบการอาจต้องทำอะไรซ้ำซากมากกว่าทำงานประจำ บางครั้งหนักกว่าคือต้องแบกรับภาระอะไรหลายๆอย่างด้วยตัวคนเดียว ซึ่งมันมีความแตกต่างด้านสภาพจิตใจกับงานประจำมาก

จากเรียนมาสักพักกลายเป็นชอบ อยากตีให้ดีขึ้น อยากตีให้ถูกต้องตามหลัก เริ่มหาข้อมูลเรียนรู้ในเน็ตด้วยตัวเอง วันๆเริ่มมีงานอดิเรกและกิจวัตรเป็นการหาวิดีโอเกี่ยวกับกอล์ฟนั่งดู วันไหนงานไม่รีบก็ออกไปสนามไดรฟ์ ไอ้ที่ว่าจะไม่ซื้ออุปกรณ์ รอคิดว่าตัวเองจะจริงจังก็กลายเป็นเริ่มเสียงาน เริ่มดูรีวิว เริ่มเดินทางไปสถานที่ขายไม้กอล์ฟอุปกรณ์บ่อยๆ กลายเป็นว่ากอล์ฟกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงเวลาอาทิตย์นึงวันไหนเคลียร์งานเสร็จเร็วหน่อย ก็ออกไปอยู่สนามไดรฟ์สัก 2 ชั่วโมง ถือว่าได้ออกไปพักสมองกินกาแฟอยู่เงียบๆ ไม่ต้องเจอใครช่วงบ่ายวันธรรมดา พอบ่ายแก่ๆ ก็กลับมาทำงานต่อเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้สักเดือนสองเดือน จนสรุปได้ว่ากอล์ฟไม่ได้เป็นเพียงกีฬาอย่างเดียว และเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าไปเล่นกอล์ฟเพื่อสนุกเป็นประเด็นหลัก

แต่กอล์ฟเป็นช่วงเวลาที่เราได้โฟกัสอยู่กับตัวเอง เหมือนได้มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันทำให้เราไม่ได้คิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเย็นนี้หรือพรุ่งนี้ แต่มันคือการเพ่งเล็งไปที่ลูกที่อยู่​ในปัจจุบันหน้าเราตรงนี้และพยายามจะทำให้มันดีที่สุดเท่าที่เราคิดว่าความสามารถเราจะทำได้ หากลูกที่ออกไปมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังก็แค่ตั้งลูกใหม่ พยายามแบบเดิมทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะดีเท่าที่เราอยากให้มันเป็น การออกรอบก็เหมือนกัน บางทีเราต้องบริหารความกดดันที่เราสร้างขึ้นเอง ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันเวลาเราประหม่ากับสนามกอล์ฟที่มีสัดส่วนของพื้นที่เป็นน้ำเยอะ กลัวตีแล้วตกน้ำ กลัวตีแล้วเสียลูก ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าให้ตีเหมือนที่ซ้อมมาก็จบ

มันเหมือนกับเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เราจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า บริหารความกดดันที่ร่างกายและจิตใจสร้างขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง และการมีวินัยในการซ้อม การมี mindset ที่ดีในการสร้างและรับรู้ความก้าวหน้าในการพัฒนาแต่ละขั้นตอนของตัวเราเอ เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น ego เราก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย การที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆว่ายากแล้ว การรับความผิดพลาด และรับให้ได้ว่าเรายังอ่อนด้อยในเรื่องนั้นอาจจะยากกว่า เราถึงเห็นหลายคนบอกว่าสอนเด็กสอนง่าย สอนผู้ใหญ่สอนยาก เพราะแน่นอนครับ เราเรียนรู้การอยู่ในสังคมมานาน เราแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา ไม่ได้เหมือนเด็กเล็กๆที่ทำเพราะอยากรู้อยากเห็น พลาดก็แค่เอาใหม่ เพราะฉะนั้นการพัฒนาตัวเอง เราต้องเริ่มจากตัวเอง ทิ้งฟอร์มทิ้งความรู้ที่มีแต่เดิมทุกอย่างไว้ก่อน ถึงจะเริ่มเปิดรับอะไรใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ค่อนข้างแฮปปี้ มีกิจกรรมยามว่างให้ทำไปใช้ชีวิตที่สนามไดรฟ์บ่อย ไปออกรอบกับเพื่อนบ้าง ส่องนกส่องกระรอกอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าที่สนามกอล์ฟบ้าง ก็ได้ฟีลดีเหมือนไปทำงานต่างจังหวัดเหมือนกัน

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ