ท้องทุ่งนา

ระหว่างที่เขียนบทความนี้ ผมกลับนึกถึงบทความนึงที่เคยเขียนเมื่อกลางปี 2022 ซึ่งเป็นเรื่องที่ชื่อว่า ห้องสี่เหลี่ยม เป็นบรรยากาศที่เราจมปลักอยู่ในห้องๆนึงทุกวัน โดยมีเป้าหมายเพื่อทำอะไรสักอย่างในแบบที่เราเชื่อออกมา การกระทำวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าชีวิตเหมือนกับหนูที่วิ่งติดอยู่ในวงล้อไม่รู้จบ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดออกมาจากการทำซ้ำๆแบบนั้นเมื่อไหร่

ผ่านมาปีครึ่งเกือบสองปี ระหว่างที่เขียนบทความนี้ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากตอนนั้นมากนัก ทุกอย่างยังคงคล้ายเดิม มีกิจวัตรใกล้เคียงแบบเดิม แต่ไม่รู้เป็นเพราะความเคยชิน หรือว่าเรียนรู้อะไรบางอย่างทำให้วันนี้กับวันนั้นเกิดความรู้สึกไม่เหมือนกันจนกลายมาเป็นบทความนี้

IMG_1096

ช่วงสามสี่เดือนหลังๆ มานี้ผมมักจะหาเวลากลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด บ้านจะอยู่ระหว่างรอยต่อของสองจังหวัดเกือบพอดิบพอดี จังหวัดนึงเป็นจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคนสูงอายุมากที่สุดในประเทศ และอีกจังหวัดติดท็อปเป็นจังหวัดที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในประเทศ ฟังดูแล้วก็ไม่ได้น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แล้วยิ่งเป็นรอยต่อของสองจังหวัด ก็ยิ่งทำให้ความเจริญอยู่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นเสน่ห์ให้น่าสนใจ หรือแม้แต่จะต้องกลับไป

แต่กลับกลายเป็นว่ามุมมองที่เรามีต่อการใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปเลย กลายเป็นทัศนคติของเราต่องานที่แปลกและผิดเพี้ยนจากเดิมแบบรู้สึกได้ ทุกอย่างเหมือนกับบทความห้องสี่เหลี่ยมไม่มีผิด คือไปอยู่ที่นั่นแล้วไม่ได้เจออะไร ไม่ได้เห็นใคร ไม่ได้คุยกับใคร เหมือนอยู่ในพื้นที่ที่นึง ที่ไร้สิ่งน่าสนใจ ไร้สิ่งรบเร้า ไร้สิ่งรบกวน มีแต่ตัวเราเองที่เลือกว่าจะทำอะไร แล้วไม่ทำอะไร

พอมันมีแต่ตัวเอง ไม่มีใคร ไม่รับรู้อะไรเรื่องภายนอก กลับกลายเป็นว่าเราทำงานได้ดีกว่าเดิม งานได้ปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม มันไม่รู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่ตื่นขึ้นมาแล้วร่างกายจดจำสิ่งๆต่างๆด้วยตัวเองว่าต้องทำอะไร 1-2-3 ทุกอย่างเหมือนเร่งรีบและถูกกำหนดเอาไว้ ทุกอย่างมันเหมือนเขียนไว้แล้วว่าวันนี้ต้องทำอย่างนั้นวันนี้ต้องทำอย่างนี้ แล้วก็กดดันตัวเองสารพัดกับเวลาที่มีอย่างจำกัดภายในแค่หนึ่งวัน

แต่ที่ต่างจังหวัดคือไม่เลย

ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง ไม่ต้องกดดันอะไรมากมาย กิน ทำงาน ออกกำลัง พักผ่อน เหมือนเราไม่ต้องกดดันตัวเอง เหมือนเราเป็นเจ้าของเวลาของตัวเอง แบบที่เราไม่เคยรู้สึกเมื่ออยู่บ้านในเมือง

จะเปิดเบียร์กินตั้งแต่เช้าเลยก็ได้ ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหรือแปลกอะไร จิบไปด้วยทำงานฟังเพลงสบายๆ ได้งาน ได้พักผ่อน ไม่ต้องมีลิสต์อะไรให้มากมาย ไม่ต้องคิดถึงเรื่องการเดินทาง งานแทรกซ้อน สิ่งที่ต้องทำที่ยังไม่เสร็จ แค่จดจ่อกับรายการที่อยู่ใน post-it สัก 3 รายการที่เขียนไว้เมื่อวานก่อนนอน โฟกัสแค่นี้ เหนื่อยก็พัก หิวก็ทำกับข้าว คิดไม่ออกก็เปลี่ยนชุดวิ่งรอบบ้าน นั่งมองนา ฟังเสียงนก

เราเป็นเจ้าของเวลาของตัวเองนี่หว่า
ทำไมตอนอยู่กรุงเทพฯ ไม่เห็นได้คิดแบบนี้เลยนะ

ผมเริ่มเข้าใจบางแล้วว่าทำไมเวลาผู้ใหญ่หลายคนชอบบอกว่าสภาพแวดล้อมของเด็กมีผลต่อการพัฒนา สภาพจิตใจ รวมถึงพฤติกรรม ก็ในเมื่อเราโตมาซะขนาดนี้แล้ว.. แค่ออกเอางานมาทำต่างจังหวัดสัก 3-4 วัน ยังพอเปลี่ยนเราไปได้ขนาดนี้ ถึงแม้กิจวัตรในแต่ละวันของเราจะทำสิ่งต่างๆเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน

จริงๆ แล้วเราก็แค่จุดเล็กๆ บนโลก ที่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองก็เท่านั้น
และเรื่องของเรามันก็เล็กเสียจนไม่เห็นจะต้องเก็บมาคิดอะไรเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมต่างๆ

คนเรานี่มันช่างสำคัญตัวเองเสียจริงๆ

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ