บางช่วงเวลานึงของชีวิตทัศนวิสัยของเราก็เหมือนกับอยู่ในท่อ(tunnel vision) มันเหมือนกับเรากำลังโฟกัสไปที่จุดๆ นึงแล้วเลือนทุกอย่างรอบข้างไปโดยที่บางครั้งเราตั้งใจและบางครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับตอนที่เรากำลังนึกคิดถึงแต่ปลายทาง นึกคิดถึงแต่จุดหมาย แล้วอาจจะละเลยบุคคลรอบข้าง หรือลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นไปชั่วขณะ
วันนึงเราย้อนกลับมานั่งถามตัวเอง
นี่เราจงใจเลือนเรื่องของคนอื่นออกไปหรือเปล่า หรือว่าเราแค่ยุ่งอยู่กับเรื่องที่อยู่ตรงหน้า อยากขอให้มันจบมันหายไปแล้วค่อยย้อนกลับไปตามเก็บความรู้สึกของคนอื่น หรือเรื่องอื่นๆ ที่เราละเลยไปในตอนนั้น
ความรู้สึกมันเหมือนอะไรน่ะหรอ มันเหมือนกับเราตั้งเป้าหมายว่าจะไปดวงจันทร์ เราสร้างยานอวกาศเพื่อจะไปให้ถึงมาแล้ว แต่ช่วงที่กำลังเดินทางเราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ไหว หรือจะดีกว่าถ้าตัดสัมภาระบางอย่างทิ้งไป เพื่อที่เราจะได้เบาขึ้น แล้วก็ไปถึงจุดหมายที่เป็นดวงจันทร์ได้เร็วขึ้นโดยคาดหวังว่าวันนึงเราจะย้อนกลับไปเก็บสัมภาระที่เราโยนทิ้งไประหว่างทาง
แต่เราจะย้อนกลับไปเก็บได้ยังไง.. ถ้าสัมภาระบางชิ้นนั้นหายไป หรือสูญสลายจากการกระทำของเราแล้วตั้งแต่วันที่เราเลือกโยนออกมา
ช่วงระหว่างทางที่เราอยู่ในอุโมงค์ท่อนี่ มันมีความสนุก และความต้องการพิสูจน์คอยดึงรั้งเราเอาไว้ มันให้ความหมายของชีวิต ให้ความสนุก ความท้าทาย และบางครั้งให้การเติบโตที่ช่วงประสบการณ์ หรือสิ่งของใดให้ไม่ได้ คำถามคือ เราจะเลือกออกจากท่อมาเพื่อคิดถึงบริบทรอบข้างแล้วค่อยเป็นค่อยไป
หรือว่าจะอยู่ในท่อต่อไป ตั้งใจให้มันไปถึงจุดหมายปลายทางเสียก่อนแล้วค่อยนึกแก้ไขอะไรที่ตามมาหรือพลาดไป
แน่นอนว่าปัจจัยที่ทำให้คำถามนี้ยากขึ้นคือ เวลา
เรามีเวลาเพียงพอหรือเปล่า เราไม่ได้ทำทุกอย่างสายเกินไปใช่ไหม ถ้าเราจะหยุดพักหรือเดินช้าๆ แล้วแบกของต่างๆ มากมายขึ้นไปด้วยระหว่างทาง แล้วท้ายที่สุดแล้วเราจะมีเวลามากพอหรือเปล่าที่จะไปถึงปลายทางที่เราหวังเอาไว้
อนิจจัง