Sense of urgency

อยากชวนคุณผู้อ่านให้ลองจินตนาการถึงเหตุการณ์สมมติเล่นๆสักกรณีนึงครับ สมมติว่าเรามีครอบครัวและเป็นเสาหลักในการหาเงินเลี้ยงดูคนอื่นๆ สมมติว่าเงินในบัญชีมีเหลืออยู่ใช้ได้อีกประมาณ 6 เดือน ค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงกว่าสิ่งที่เราหาได้เท่าตัว ถ้าเป็นเรา เราจะทำยังไงเพื่อให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ หรืออย่างน้อยๆก็ทำให้สถานการณ์นี้มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

หลายคนอาจมี solution ต่างๆ นาๆก็ว่ากันไปตามที่เห็นสมควร บ้างว่าลดค่าใช้จ่าย บ้างว่าหาเงินเพิ่ม แต่แน่นอนว่าการคิดว่าจะทำอย่างไรนั้นเป็นเรื่องง่าย ง่ายกว่าการที่ทำจริงมาก หลายครั้งหลายคราที่ถึงเวลา เรามักจะไม่ได้ทำตามสิ่งที่เราคิดว่าจะทำ มันอาจมีสองอย่างที่เป็นไปได้คือ หนึ่งเราไม่ได้คิดจริงจังทำเรื่องนั้นตามที่คิดไว้แต่แรกอยู่แล้ว กับสองคือเราเองนี่แหละที่รับสถานการณ์ที่แย่สุดที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ได้

การเตรียมตัวให้พร้อมในการรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งอายุมากขึ้น เริ่มรู้ตัวว่ามีภาระเยอะขึ้น การวางแผนจึงต้องคิดแล้วคิดอีกให้รอบครอบจะได้ไม่กระทบถึงคนอื่นๆ หรือเกิดขึ้นกับครอบครัวของเราตามเนื้อเรื่องที่ชวนจินตนาการไปตอนแรก

แต่ความเป็นจริงถ้าปล่อยให้เหลือเงินใช้แค่ 6 เดือนก่อนรู้ตัวก็ดูจะสายไปแล้วด้วยซ้ำ

IMG_1632

Sense of urgency คือทักษะที่ไม่ว่าใครก็ควรมีในปัจจุบัน

อาจจะมีหลายคนที่บอกว่าเราอาจมองโลกในแง่ร้ายเกินไป กดดันตัวเองมากเกินไป หรือคิดมากเกินกว่าที่มันควรจะเป็นและสถานการณ์เหล่านั้นอาจไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ ซึ่งถ้ามันไม่เกิดก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้ามันเกิดเราจะบอกคนอื่นที่ขึ้นอยู่กับเรายังไง เราจะมองหน้าคนเหล่านั้นแล้วบอกว่า ไม่เป็นไร, เดี๋ยวก็ดีขึ้น, เดี๋ยวจะแก้ไขได้ โดยที่เราไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง นี่เรากำลังหลอกคนอื่นอยู่ หรือเรากำลังหลอกตัวเองไม่ให้รับความจริงกันแน่

การเตรียมตัว ไม่ใช่การกดดัน มันไม่เหมือนกัน

สิ่งที่เราควรจะต้องเรียนรู้เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นคือ การตัดสินใจของเราอาจไม่ได้เป็นหรือกระทบกับเราคนเดียวอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ล้วนเกิดจากการตัดสินใจในอดีตมาทั้งนั้น และการตัดสินใจในวันนี้ก็จะก่อเกิดเป็นผลลัพธ์ในอนาคตซึ่งอาจจะเป็นเราคนเดียวที่ต้องรับ หรืออาจมีคนอื่นที่ต้องมาแบกรับหรือเป็นอยู่กับการตัดสินใจของเราในวันนี้ไปด้วย

ถามตัวเองว่าเราทำสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ในวันนี้หรือยัง เราทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับครอบครัว หรือองค์กรของเราอยู่หรือเปล่า การตัดสินใจของเราเป็นการตัดสินใจที่ยึดตัวเองในวันนี้เป็นที่ตั้งอยู่ไหม มองย้อนดูว่าสิ่งที่เราทำอะไรในวันนี้ จะต้องมีกี่คนที่ต้องมาเจอกับผลลัพธ์ปลายทางของการกระทำของเรา

ถ้าทำดีที่สุดแล้วในทุกวันนี้ แล้วมันยังเกิดเรื่องไม่ดีอีกในอนาคต อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราได้ทำทุกอย่างไปแล้วอย่างเต็มความสามารถ บางทีมันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่ช่วยให้เราไม่รู้สึกแย่รู้สึกผิดมากมายขนาดนั้นในวันที่สถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ