แค่เสพย์ข่าวด้านลบ 2-3 นาที ในตอนเช้า.. อาจทำให้คุณรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันโชคร้าย

ช่วงนี้มีข่าวในแง่ลบกระทบกระเทือนจิตใจอยู่ตลอดเลยใช่ไหมครับ ไหนจะข่าวโควิด-19 ทำให้เราวิตกกังวล ไหนจะข่าวการเมืองที่เห็นอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันถกเถียงกันไปมา หรือจะข่าวการประท้วงแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายโจมตีฝั่งตรงข้ามให้ดูน่าหดหู่ มีให้เห็นกันทุกวัน ประกอบกับช่วงนี้ที่ต้องมาทำงานที่บ้าน ไม่ได้ออกไปเจอเพื่อนฝูงหรือแชร์เรื่องราวระบายความเครียดเหมือนเดิมก็อาจจะทำให้ทุกอย่างดูไม่ปกติและทำให้คนรู้สึกเหนื่อยหน่ายมากในช่วงเวลาแบบนี้

Michelle Geilan อดีตนักข่าวที่ตอนนี้เป็นนักวิจัยได้ทำการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า แค่เราเห็นข่าวที่นำเสนอในแง่ลบช่วงเช้าของวันเพียงแค่ 3 นาที ก็มีโอกาสสูงขึ้นถึง 27% ที่คนเราจะคิดไปว่าวันนั้นทั้งวันเป็นวันที่ไม่ดี (อ้างอิง) ถึงบทวิจัยนี้จะถูกเขียนขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ผมเองก็ยังรู้สึกว่ายังเป็นแบบนั้นอยู่

ลองสังเกตุคนรอบข้างหรือคนที่บ้านเราดูนะครับ พ่อแม่พี่น้องใครบ้างที่อ่านข่าวดูข่าวมากแล้วเรารู้สึกว่าเขาวิตกกังวลเกินความเป็นจริง ยิ่งคนที่อยู่ในครอบครัวเราอยู่ต่างจังหวัด และตัวเราเองอยู่ในกรุงเทพฯ ช่วงเวลานี้เขาก็จะยิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิม หรือกังวลมากกว่าสถานการณ์จริงที่เราอยู่ในพื้นที่นี้ด้วยซ้ำไป

สื่อมีอิทธิพลมากในการให้ข้อมูลโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ประสบพบเจอสถานการณ์นั้นจริง และมันเป็นเรื่องที่อันตรายมากหากผู้คนเปิดรับสื่อแค่เพียงด้านเดียวโดยไม่ได้หาข้อมูลประกอบหลายมิติ ทำให้ขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจได้ง่าย ซึ่งการตัดสินใจโดยไม่มีข้อมูลรอบด้านอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อตนเองและผู้อื่นรวมถึงคนในครอบครัวไม่มากก็น้อย

ลองจินตนาการว่าถ้าเรารับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับหุ้นหนึ่งตัวโดยได้ข้อมูลจากแหล่งเพียงแหล่งเดียวแล้วตัดสินใจลงทุนโดยไม่หาข้อมูลอื่นให้ถี่ถ้วนก่อน อะไรจะเกิดขึ้น ก็อาจจะเป็นเรื่องดีเป็นจริงตามนั้นก็ได้ หรืออาจจะสูญเสียเพราะโดนหลอกโดนกุเรื่องขึ้นมาก็เป็นได้ มันไม่ต่างอะไรกับเรื่องที่เก็บมาทะเลาะในครอบครัวเพื่อนสนิทมิตรสหายในสิ่งที่ตนเองได้รับข้อมูลมาต่างกันเลยแม้แต่น้อย

เมื่อปี 2019 ผมได้เขียนบทความ รู้สึกไหม.. ว่าโซเชียลทำให้เรารู้สึกแย่ลง? นี่ผ่านมาสองปีแล้วก็ยังรู้สึกว่าเป็นแบบนั้นอยู่ การรับข่าวสารทางโลกออนไลน์ทำให้เราเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเกิดความจำเป็นกว่าเมื่อก่อนมากนัก จริงอยู่ความกังวลเป็นสิ่งที่ดีเพราะช่วยให้เราเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นได้ แต่ความกังวลที่มากเกินพอดีอาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้างได้ในเวลาเดียวกัน

ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นเวลา ใช้วงจรเวลาของตัวเราเอง(circadian rhythm)ให้เป็นประโยชน์อย่างตอนเช้าตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ช่วงที่คอร์ติซอลกำลังพุ่งสูงมานั่งหาความรู้อ่านหนังสือหรือออกกำลังกายก็จะเป็นประโยชน์มากกว่า

อย่าเข้าใจผมผิดว่ากำลังบอกว่าให้ไม่ติดตามข่าวสาร การไม่ติดตามข่าวไม่ได้แปลว่าตัวเองไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง มันช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบันมากขึ้นและอยู่กับสิ่งรอบตัวได้อย่างมีความสุข ผมก็ยังเสพย์ข่าวเหมือนปกติแต่เลือกที่ดูแค่ตัวเลข ข้อเท็จจริง และอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ข้อสรุปหรือความคิดเห็นที่ถูกกลั่นกรองมาแล้ว

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ