ก่อนผมจะเขียนบทความครบรอบแต่ละปี ผมมักจะย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าในปีที่ผ่านมาก่อนเสมอ และในปีที่แล้ว (บทความ ปีที่ 7 เลขดี แต่ทำไมตอนนี้ชีวิตเหนื่อยจัง) เห็นว่าตัวเองก็นั่งบ่นเรื่องความเหน็ดเหนื่อยเหมือนปีก่อนๆ แล้วก็ทิ้งคำถามถึงอนาคตด้วยว่า อยากจะรู้ว่าในปีที่ 8 ซึ่งก็คือตอนที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่จะเขียนเรื่องอะไร แล้วมีความรู้สึกแบบไหนในตอนที่กำลังเขียนนี้
ยอมรับอย่างนึงว่าในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบากพอสมควร เนื่องจากร่างกายกำลังเริ่มปรับตัวกับอะไรหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนแปลงพร้อมกัน อย่างเริ่มเรียนโท การใช้เวลาในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงเรื่องของบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลายอย่าง แต่การกัดฟันทนฟันฝ่ามันมาได้นี่ช่วยให้เราเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต และวิธีการคิดไปอย่างมากเลยเหมือนกัน
ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องบางเรื่องมากขึ้นหรือแค่รู้สึกไปเอง แต่พอเวลาจะทำอะไร เขียนอะไร รู้สึกว่าตัวเองกลับหาข้อมูลมาอย่างละเอียดกว่าเมื่อก่อน พยายามจะทำความเข้าใจเรื่องๆนั้น หรือปัญหาที่แท้จริงที่เกิดความรู้สึกนั้น กลายเป็นว่าตัวเองกลับสนุก และพร้อมที่จะใช้เวลาจมอยู่กับเรื่องบางเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้สำคัญอะไรในมุมมองของคนอื่นเลย แต่ก็งงเหมือนกันที่ทำไมตัวเองกลับจริงจัง และสนุกในการค้นคว้ามากมายขนาดนั้น
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เริ่มเรียนโท การปรับเวลาการใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนไป เดินทางบ่อยขึ้น นอนพักผ่อนน้อยลง เหมือนช่วงแรกๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับบทความนั้นไม่มีผิด แต่พอผ่านไปสักพัก ร่างกายก็ค่อยๆ ปรับตัวให้คุ้นชิน กลายเป็นการสร้างนิสัยใหม่จนเราไม่ได้คิดว่าการทำอะไรอย่างนั้นมันเป็นเรื่องสาหัสอีกต่อไปแล้ว ทำไมน่ะหรอ? ก็เพราะจากการวิจัยพบว่า ร่างกายจะคุ้นชินกับนิสัยใหม่ภายในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน (ถ้าสนใจอ่านต่อที่นี่ How Long Does it Take to Form a Habit? Backed by Science )
พอผ่านจุดนั้นมาได้เราก็เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองชัดเจนขึ้น เริ่มมีความอดทนต่อเรื่องบางเรื่องมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เริ่มเก็บบางอย่างมาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจการทำงานของอารมณ์ และการรับรู้ต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องของสมอง อาหาร หรือสารเคมีที่สมองสร้างขึ้นเมื่อเกิดอารมณ์บางอย่าง หรือสิ่งเร้าต่อเหตุการณ์บางอย่าง รวมไปถึงพวก อคติของมนุษย์ หรือปัจจัยในการตัดสินใจของมนุษย์นี่ยิ่งอยากรู้ ทำให้สนุกมากขึ้นไปอีกเวลาค้นคว้า
เริ่มหันจริงจังกับเรื่อง productivity หาข้อมูลจากหนังสือ บทวิจัย และคนที่มีชื่อเสียงว่าเขาใช้เทคนิคอะไรในการบริการจัดการเวลาให้ร่างกายสามารถทำงานได้ดีที่สุดในแต่ละวัน พออ่านมากขึ้น หาข้อมูลมากขึ้น กลายเป็นว่าตัวเองเริ่มสนใจในการค้นหาข้อมูลมาปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเอง ที่เห็นได้ชัดเลยคือการเขียนบล็อกในช่วงครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 61 คือถ้าอยากจะเขียนเรื่องไหน ก็จะพยายามเรียบเรียง หาข้อมูลประกอบ หาทฤษฎี และมีการอ้างอิงถึงหนังสือบ้าง เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้บ้าง ฯลฯ
เริ่มไม่ได้เขียนอะไรตามอำเภอใจแบบ วันนี้มีความรู้สึกนี้ อยากเขียนแบบนี้ จะจบยังไงก็แล้วแต่สะดวกใจ ไม่ได้แคร์อะไรว่าใครจะเข้ามาเห็น หรืออ่านแล้วได้อะไรออกไป เหมือนกับการค้นหาความรู้สึกในใจแค่ช่วงเวลานั้น แล้วอยากจะเขียนระบายออกมาเป็นตัวหนังสือให้ตัวเองได้ย้อนกลับมาอ่านมากกว่า
ถึงรู้สึกว่าตัวเองจะหาข้อมูลมาประกอบบทความ หรือใช้ในการเขียนมากขึ้น และพยายามเรียบเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบก่อนเขียน แต่จุดประสงค์ก็ยังเหมือนเดิมคือเขียนออกมาตามความรู้สึกจริงๆ ไม่ได้อยากปรุงแต่งเนื้อหาให้ดูเหมือนไม่ใช่ตัวเอง หรือเป็นในสไตล์ที่คนอื่นเขาทำกัน มันเหมือนกับเราแค่รู้ว่าตัวเองโตขึ้น เขียนให้ดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นตัวเราเองไม่ได้พยายามจะเป็นใคร
ในช่วงปีที่ 7 ถึงปีที่ 8 นี่เขียนบทความน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เหลือแค่ 22 บทความภายในปีที่ผ่านมา เฉลี่ยตกเดือนละครั้งสองครั้ง อาจจะเป็นเพราะจัดสรรเวลาไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท แล้วก็เรื่องเรียนมากขึ้น แล้วหลังๆ ก็ตั้งใจที่จะเขียนบทความขึ้นที่บล็อกของบริษัทด้วยทุกอาทิตย์ เลยทำให้มาเขียนบล็อกส่วนตัวน้อยลง แต่จริงๆ ก็มีเรื่องที่อยากจะหยิบมาเขียนหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ดูจะไร้สาระ แต่มันเป็น fact ที่ไปค้นคว้ามาแล้วรู้สึกว่าแท้จริงแล้วมันก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบางคนก็ได้ในเวลาเดียวกัน
ปีที่แล้วอาจจะบ่นเหนื่อยเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องจิปาถะหลายอย่าง แล้วก็ยังไม่คุ้นชินกับการปรับตัว แต่ปีนี้เริ่มรู้สึกว่าอะไรๆ ก็ค่อยๆ เริ่มเข้าที่ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานกับความรู้สึกที่ตัวเองสร้างขึ้นอย่างที่ผ่านมา บางทีก็ไม่แน่ใจว่าพอผ่านจุดนึงมาได้ ความรู้สึกของเราเริ่มชินชาจนไม่ได้รู้สึกอะไรมาก หรือแท้จริงเราเริ่มเข้าใจว่าปัญหาต่างๆ มันเกิดขึ้นมาจากอะไร ทำไมคนที่ตัดสินใจ หรือแสดงออกอะไร จากการรับรู้เรื่องบางเรื่อง คือถ้าเป็นอย่างหลังก็ถือว่าดี
วันเกิดปีนี้ตรงกับวันพระใหญ่ และตรงกับวันสอบประมวลความรู้ก่อนจะเริ่มเรียนเทอมสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาปริญญาโท ก็ถือว่าเป็นปีที่สนุก และได้อะไรเยอะ เหมือนจะไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนปีก่อนที่ได้อ่านจากบทความเก่าๆ จนบางทีไม่รู้ว่านี่เราโตขึ้นจริงๆ หรือแค่เรารู้ว่าต้องแสดงออกยังไงต่อหน้าสังคม.. เหมือนทุกปีที่เขียนคำนี้