ปลั๊กอิน WordPress สำหรับจัดการ cache ยอดนิยม?
หลังจากได้อ่านบทความจากหลายแห่งเมื่อปีก่อน พูดถึงสรรพคุณของ WP Rocket อย่างน่าสนใจ ซึ่งตอนนั้นเองก็สงสัยเหมือนกันว่ามันจะดีกว่าพวกของฟรีอย่าง WP Fastest Cache หรือ W3 total cache ที่เคยใช้งานอยู่ประจำหรือเปล่า ซึ่งประเด็นของการใช้ cache นั้นก็น่าจะคล้ายๆ กันในแทบทุกเว็บไซต์คือ สามารถทำ caching ไฟล์เนื้อหา และพวกรูปภาพต่างๆ ได้โดยไม่ต้อง request มาขอกับเครื่องเซิฟเวอร์โดยตรง ซึ่งจะช่วยประหยัด bandwidth และทำให้โหลดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น เมื่อเข้ามาในครั้งถัดๆ ไป หรือเข้าไปยังหน้าอื่นๆ ต่อจากหน้าแรกของเว็บไซต์นั้น
WP Rocket คืออะไร
WP Rocket ก็เป็นหนึ่งในปลั๊กอินที่ทำงานเกี่ยวกับ cache เหมือนกับพวกเจ้าอื่นๆ ที่มีในตลาด แต่ตัวนี้เป็นปลั๊กอินที่ต้องเสียเงินซื้อ แล้วก็ราคาเริ่มที่ 29$ (ประมาณ 600 กว่าบาท) สำหรับเว็บไซต์เดียว และมีแพคเกจอื่นๆ ดังภาพด้านล่าง ซึ่งตัวผมเองซื้อแบบ Infinite มาใช้เลยปีนึง เพราะตัวเองทำเว็บให้ลูกค้าที่เป็น WordPress ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
ผมเองเป็น user ระดับ developer ที่มีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมสามารถปรับแต่งโน่นนั่นนี่ได้ด้วยตัวเอง เว็บไซต์ WordPress ทั้งหมดที่ทำให้ลูกค้า ผมเป็นคนเขียนธีมขึ้นมาใหม่เลยจากศูนย์ นั่นหมายความว่าพวกไฟล์โครงสร้างต่างๆ อย่างพวก JavaScript และ CSS ผมสามารถควบคุมได้ตั้งแต่ต้นน้ำลงมา(ใครที่สนใจ boilerplate ที่ผมสร้างขึ้นมาใช้กับทุกโปรเจค เปิดดูได้บน Github) ซึ่งเมื่อทำงานทุกอย่างเสร็จแล้ว ผมก็จะ compile ทั้ง JS และ CSS ให้เหลือแค่อย่างละไฟล์ โดยเรียกไฟล์ JS ที่ก่อนปิด </body> เพื่อให้ได้คะแนนด้าน render-blocking ของ Google Pagespeed ซึ่งก็เป็นวิธีพื้นฐานที่หลายๆ คนใช้กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเลยคิดว่าจะเขียนรีวิวของ WP Rocket ใน 3 ด้านหลักๆ ที่คิดว่าคนทั่วไปน่าจะสนใจคือ ด้านการใช้งาน, ด้านประสิทธิภาพ และด้านราคาครับ
ด้านการใช้งาน
WP Rocket ถือเป็นปลั๊กอินตัวนึงที่มีเมนูให้ปรับแต่งเองได้อย่างสะดวกเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ คือหน้าต่างการปรับตั้งค่าที่หลังบ้านนั้นดูเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดวางตำแหน่งของเมนูได้ชัดเจน อีกทั้งเป็นภาษาที่คนทั่วไปสามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ ซึ่งถ้าใครใช้ปลั๊กอิน cache มาหลายๆ ตัวจะพบว่าบางตัวนั้นไม่ได้ user friendly เอาเสียเลย มีเมนูต่างๆ เยอะเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องตั้งค่าอะไรยังไงให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ซึ่งส่วนตัวผมว่าของ WP Rocket ถือเป็นเมนูการปรับแต่งที่เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไประดับพื้นฐานให้สามารถเข้าใจได้ ไม่ต้องกรอกค่าอะไรให้วุ่นวายแค่กดติ๊กถูกเปิด/ปิด ฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้งานก็เป็นอันเรียบร้อย มีเมนูที่ด้านบนให้กดปุ่ม clear cache ได้เลยทันที
โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เป็น developer หรือไม่ถนัดเรื่องของการปรับแต่ง, การเขียนโปรแกรมน่าจะชอบปลั๊กอินตัวนี้ครับ มันช่วยให้เราสามารถสนใจแต่เรื่องของเนื้อหาภายในเว็บไซต์ โดยที่ระบบจะเป็นตัวจัดการพวก performance ต่างๆ ให้หมด จะทำอะไรก็เข้ามาตั้งค่าเปิด/ปิด รู้เท่านั้นพอ อย่างในภาพด้านบนเราสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะให้ cache ข้อมูลแยกสำหรับ user ที่ใช้มือถือในการเข้าเว็บไซต์ไหม หรือจะให้ cache ไว้นานแค่ไหน ก็สามารถมาเลือกใส่ค่าที่หน้าเมนูนี้ได้เลย ซึ่งน่าจะช่วยดันคะแนนในส่วนของ Google Pagespeed ได้ โดยไม่ต้องใช้การเขียนโปรแกรมเข้าช่วย
ด้านประสิทธิภาพ
ตัวปลั๊กอินเองมีเมนู Optimization เหมือนกับปลั๊กอินตัวอื่นๆ แต่จากข้อที่แล้วที่บอกว่าสามารถใช้งานได้ง่ายนั้นก็เป็นข้อได้เปรียบที่โยงมาถึงข้อนี้อยู่ดี ถ้าใครที่พอใช้งานมาหลายๆ ตัวจะพบว่าหน้าตาการปรับแต่งนั้นดีกว่ามาก เข้าใจง่ายกว่า ดังภาพด้านล่าง
หน้านี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นหน้าพื้นฐานที่เกือบทุกปลั๊กอินมีให้ ช่วยให้เราสามารถเลือกฟังก์ชั่นยอดฮิตอย่างบีบอัดไฟล์ JavaScript หรือ CSS ออกมาเป็นไฟล์เดียวได้ รวมไปถึงการลดขนาดของไฟล์ HTML ให้ด้วย โดยถ้าเราเปิดหน้าเว็บไซต์ของเราขึ้นมาแล้วลอง view source ดูก็จะเห็นว่าทั้งไฟล์ JS และ CSS ถูกบีบอัดเหลืออย่างละไฟล์ อีกทั้ง code ของไฟล์ HTML ก็ดูชิดๆ ผิดเพี้ยนอ่านยากขึ้นกว่าเดิม(ซึ่งเป็นวิธีลดขนาดหรือที่เรียกว่า minify นั่นเอง)
แต่สำหรับ developer ทั่วไป หรืออย่างผมเองแล้วรู้สึกว่าฟังก์ชั่นนี่ดูเฉยๆ เพราะธีมที่เขียนเองขึ้นมาแต่ละตัวนั้นก็มีพวก task ในการรวมไฟล์มาก่อนจะขึ้นใช้จริงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่เปิดบางฟังก์ชั่นขึ้นมาใช้งานแล้วเกิด conflict ไฟล์เสียนี่แทบจะไม่มีเลย คือเหมือนผมบีบอัดให้เหลือไฟล์เดียวก่อนอยู่แล้ว แล้วจะมาให้ตัวปลั๊กอินรวมให้เหลือไฟล์เดียวเท่าเดิม เลยไม่รู้ว่ามันจะช่วยเพิ่ม performance ได้มากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้เขียนโปรแกรม หรือโหลดธีม ซื้อธีมจากข้างนอกมาใช้ อันนี้ผมว่าเวิร์ค
ถ้าให้เทียบประสิทธิภาพกับเจ้าดังๆ อย่าง WP fastest cache หรือ W3 Total Cache ที่ปรับแต่งดีๆ ผมว่าประสิทธิภาพการใช้งานแทบไม่ต่าง เพราะท้ายที่สุดก็คือมันทำงานคล้ายกันตามฟังก์ชั่นที่เราเพิ่มเข้าไปในหลังบ้าน แต่ที่น่าสังเกตอย่างนึงคือเมื่อก่อนผมใช้ WP fastest cache แล้วปรับแต่งเอง กลับได้คะแนนใน Google Pagespeed มากกว่าตอนที่ใช้ WP Rocket เล็กน้อย
ด้านราคา
ถ้าถามว่าเว็บไซต์นึงซื้อครั้งนึงราคา 29$ (ประมาณ 600 บาท) คือแพงไหม? ผมว่าก็แพงพอสมควรอยู่นะ อาจจะซื้อธีมใน Themeforest บางตัวมาใช้ได้เลยในราคานี้ ตอนที่ผมซื้อเองตอนนั้นก็อยากรู้ เลยลงทุนซื้อแบบแพงสุดรายปีอยู่ที่ 150$ (ประมาณ 5,000 บาท) จนใช้มาจะครบปีแล้ว ได้ activate ใช้ไปประมาณ 7-8 เว็บไซต์
ถ้าถามว่าคุ้มไหม? ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะถ้าสมมติปรับเองเป็น เขียนโปรแกรมได้ผมคิดว่าการที่เขียนธีมขึ้นมาเอง แล้วปรับตั้งแต่แรก พร้อมกับไปใช้ปลั๊กอินฟรีก็น่าจะทำงานได้เหมือนกัน แต่ถ้าใครที่ต้องดูแลหลายเว็บไซต์ ไม่ต้องการเสียเวลาในส่วนของเทคนิคมาก ควบคุมปัจจัยภายนอกอย่างวิธีเขียนธีม หรือปลั๊กอินเสริมหลายๆ ตัวไม่ได้ อีกทั้งก็ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาก่อน ผมก็ว่าคุ้ม อีกข้อดีคือสามารถใช้งานร่วมกับปลั๊กอินตัวอื่นๆ ที่ติดตั้งไว้ได้อย่างเช่นใครที่ทำเว็บไซต์สองภาษา โดยใช้ปลั๊กอินอย่าง WPML ก็สามารถเลือก clear cache ได้แต่ละภาษา หรือจะทั้งหมดพร้อมกันไปเลยก็ได้ผ่านเมนูที่อยู่ด้านบน
สรุป
- สำหรับผู้ที่เขียนโปรแกรมได้ สร้างธีมใช้เอง อาจจะดูไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะการปรับแต่ง, การเขียนด้วยตัวเองแล้วไปใช้ปลั๊กอินฟรีที่มีในตลาดน่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แล้วก็ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทักษะในการปรับแต่งของคุณเองด้วย
- คนที่ไม่มีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม ต้องการปลั๊กอินที่ใช้งานได้ง่าย สะดวก เข้าใจได้เอง ซื้อธีมมาใช้ มีการเรียกใช้ปลั๊กอินเสริมอื่นๆ เยอะแยะ อยากจะสนใจเรื่องเนื้อหาที่เขียนเท่านั้นก็น่าจะคุ้มค่า และเป็นประโยชน์มากๆ อย่างน้อยก็ประหยัดเวลาในการตั้งค่าจิปาถะอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องได้
ถ้าคนเข้าเว็บไม่เยอะ
จำเป็นต้องใช้ปลั๊กอินเก็บแคชพวกนี้ไหมครับ
ถ้าไม่เยอะมาก ไม่ได้รู้สึกว่ากิน resource ของ host แล้วคนทั่วไปก็ไม่ได้รู้สึกว่าช้า อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ครับ
เพราะการติดตั้งพวกนี้จะต้องแลกมาด้วยการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานได้ ถ้าไม่อยากยุ่งยาก สามารถผ่านได้ครับ
เป็นบทความที่ดีครับ