ทำไมรู้สึกว่าวันแต่ละวันมันผ่านไปยากจัง
ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ว่าการใช้ชีวิตแต่ละวันนี้มันเหมือนช้า และหน่วงกว่าช่วงที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชีวิตเรากำลังเข้าไปอยู่ในวงจรแบบเดิมหรือเปล่า ใจหนึ่งเคยรู้สึกดีที่ได้ออกจากวงจรนึงมาแล้ว แต่ก็ไม่พ้นกลับต้องเข้าไปติดกับวงจรใหม่ ผมกำลังพูดถึงเรื่องงานประจำ กับงานฟรีแลนซ์ สมัยก่อนตอนที่ผมยังเป็น salary man หนุ่มออฟฟิศกินเงินเดือนอยู่มันก็จะมีวงจรชีวิตของมัน คือตื่นเช้าเจ็ดโมง ชงกาแฟ อาบน้ำ ไปทำงาน กินข้าว แล้วก็กลับบ้าน ทำอย่างนี้ซ้ำไปทุกวันในหนึ่งอาทิตย์ ฟังดูน่าเบื่อครับ แต่ยังมีข้อดีที่ได้รู้จักเพื่อนพี่น้องร่วมชะตากรรมเดียวกัน บางทีก็แชร์เรื่องบางเรื่องให้กันได้ สมองมนุษย์นี่ก็แปลก เวลารู้สึกว่ามีคนมาเผชิญกับกิจกรรมบางอย่างด้วย จะรู้สึกว่างาน หรือสิ่งที่ต้องเจอนั้นมันเบาลง
ตัดสินใจออกจากวงจรพนักงานออฟฟิศ
ออกมาเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว ทำงานที่ไหนก็ได้ จะร้านกาแฟ ที่บ้าน หรือจะขับรถไปต่างจังหวัดนอนพักสักคืนสองคืน ชีวิตโปรแกรมเมอร์มันก็ดีตรงนี้ ขอแค่ให้มีอินเตอร์เน็ตงานก็เดิน จากวันที่ออกจากพนักงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัวเนี่ย จะปีนึงได้แล้ว(ก่อนหน้านั้นที่ผ่านมาก็เข้าๆ ออกๆ ทำงานบริษัทได้พักๆ) ตอนแรกมันก็รู้สึกดีอย่างที่ได้บอกไปนั่นแหละครับ เป็นหนุ่มวัยรุ่นที่มีความอิสระเต็มเปี่ยม ตื่นมาพร้อมทำงาน แล้วก็โหยหางานมากตามวัยของตัวเอง
จนมาถึงช่วงๆ นึง ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเข้าไปติดกับวงจรใหม่ ด้วยความที่อยากได้งาน อยากทำงาน งานก็เข้ามาเยอะขึ้น หนักเอาเบาก็ทำแม่งทั้งหมด จะงานฟรีงานช่วย หรืองานที่กำไรน้อยนิดก็ไม่เว้น มันกำลังทำให้การบริหารจัดการเวลาของตัวเองเป็นไปได้อย่างลำบากมากขึ้น จนบางทีก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้ววินัยของตัวเองนั่นแหละที่น้อยลงหรือเปล่า เราตื่นเช้าขึ้นมาเก้าโมงในทุกๆ วัน ชงกาแฟ นั่งทำงาน อาบน้ำ ออกไปร้านกาแฟ กินข้าว ดื่มเบียร์ ไปวิ่ง คือมันก็วนกันอยู่แค่นี้ ถึงแม้บางวันจะพยายามจัดสรรเวลาไม่ให้ตัวเองทำงานมากเกินไป อาจจะไปออกกำลังกายบ้าง เจอเพื่อนบ้าง นั่งดื่มบ้าง แต่สุดท้ายมันก็รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้ช่วยให้แต่ละวันของเราผ่านไปง่ายสักเท่าไหร่
หรือจริงๆ แล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับงานหรอก อาจจะเป็นเพราะเรากำลังอยู่ในเส้นทางของความฝัน แล้วมุ่งมั่นอยากจะรีบถึงมันมากเกินไป ตั้งความหวังตั้งความฝันจนชันเกินไปจนตัวเองใช้ชีวิตได้ยากมากในปัจจุบัน
ผมเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เบื่อคำว่าทุนนิยมมาก มันเหมือนเป็นคำที่คอยกัดกินอาชีพของเราโดยที่เราเองอาจจะไม่รู้ตัว แน่นอนอาชีพอย่างเรามันเป็นอาชีพที่ได้ค่าจ้างสูง สูงจนผมรู้สึกว่ามัน overpay ไปอย่างไร้สาเหตุกับการที่ทุกคนอยากจะทำสินค้าไอที หรือบริการไอที บริษัท 4.0 ตามประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งโปรแกรมเมอร์ก็เปรียบได้ดั่งแมงเม่าก็ดี้ด้าร่าเริงกับกองไฟที่ล่อกันด้วยเงินตรามากมาย.. แล้วสุดท้ายเป็นยังไง ติดกับดักเงินเดือน ด้วยความที่ overpay ไปไหนก็ลำบาก จะลดลั่นเงินเดือนตัวเอง หรือไปที่ที่ได้ผลประโยชน์ที่น้อยกว่าก็ยาก
ถ้าไม่ได้รักงานที่ทำจริงๆ แม่งก็จะยากจริงๆ
ผมรู้สึกว่าชีวิตในแต่ละวันมันผ่านไปยากเย็น หรือค่อนข้างช้าเพราะบางทีสิ่งที่ได้จากการทำงานเป็นค่าเงินมันเติมไม่เต็ม ท้ายสุดถ้าไม่รู้ว่าจะเอาผลประโยชน์เหล่านั้นไปใช้ซื้อความสุขที่ยั่งยืนได้ยังไง มันก็เป็นเหมือนอยากดื่มน้ำเปล่าแค่แก้วเดียว แต่คุณให้โค้กผมสองลัง แค่มีเงินซื้อกาแฟ ทานข้าวให้อิ่ม แล้วก็ใช้ซื้อเบียร์สักแก้วสองแก้วในแต่ละวันแค่นั้นก็ผ่านไปได้อีกวันก็ดีแล้ว