รีวิว Garmin Vivosmart Hr +

นาฬิกาเพื่อสุขภาพที่เล็ก และคล่องตัว

ผมเคยใช้ Nike Fuelband SE เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วครับ แต่อันนั้นเป็นการนับก้าวกับใช้เป็นนาฬิกาเสียมากกว่า พอใช้ไปสักพักก็เริ่มรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ทำให้อยากออกไปเดินข้างนอกเก็บก้าวเหมือนที่ได้มาใหม่ๆ ประกอบกับนาฬิกานั้นค่อนข้างธรรมดาไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลยถอดขายกลับมาใส่นาฬิกาข้อมือปรกติ จนมาถึงช่วงหลังๆ สามสี่เดือนที่ผ่านมา ชอบออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะบ่อยขึ้น ซึ่งการไปวิ่งแต่ละครั้งก็จะนำมือถือใส่ armband วิ่งด้วยเพื่อ track GPS ที่เราวิ่งไป

คือมันก็ใช้ได้แหละครับ แต่โดยส่วนตัวอยากจะได้อะไรที่มากกว่ามือถือหน่อย

ผมเล่นบอลกับเพื่อนเฉลี่ยสัปดาห์ละสองครั้ง แล้วก็บังเอิญอยากจะรู้ว่าทุกครั้งที่ไปเตะบอลเนี่ยเราวิ่งไปกี่กิโล มันสามารถตรวจวัด stats อะไรได้บ้าง ซึ่งแน่นอนว่าการนำมือถือใส่ armband เตะบอลเป็นอะไรที่ไม่เหมาะนัก เลยอยากจะได้สายรัดข้อมือสักตัวนึงที่สามารถบ่งบอก stats สำหรับวิ่ง และใส่เตะบอลได้ด้วย หาข้อมูลไปหาข้อมูลมาก็มาสนใจอยู่สองรุ่นคือ Garmin forerunner 235 และ Garmin Vivosmart Hr + ซึ่งสุดท้ายมาซื้อตัวหลังเพราะคิดว่าใส่ถนัดกว่าเวลาเล่นบอลครับ

ไหนๆ ก็ต้องเสียเงินซื้อแล้ว ก็เลยคิดว่าใช้แทนนาฬิกาแบบอนาล็อกไปเลยก็แล้วกัน

Garmin Vivosmart Hr+ ตัวนี้มีตัวจับสัญญาณชีพจร(heartrate) ให้ด้วย ซึ่งจะอยู่ที่ด้านหลังของตัวหน้าปัด ตัวหน้าปัดสามารถปัดซ้ายขวาขึ้นลงได้ หรือเป็นจอทัชสกรีนนั่นแหละครับ มีปุ่มกดง่ายๆ เพียงปุ่มเดียวไม่ได้มีอะไรซับซ้อน การใช้งานทั่วไปสามารถ bluetooth กับสมาร์ทโฟนเพื่อรับ push notification จากแอพฯ ต่างๆ อย่าง LINE, Facebook, etc.. แล้วแต่เราจะตั้ง มีฟังก์ชั่นนับก้าว นับชั้นบรรไดที่ขึ้น โหมดออกกำลังกายทั้งที่เป็น indoor และ outdoor(GPS) แล้วก็ตั้งปลุกได้ด้วย ตอนนี้ที่เขียนบทความอยู่ผมใช้มาได้ประมาณ 1 เดือนแล้วเลยอยากจะนำมาแชร์ให้คุณผู้อ่านได้ทราบ ได้ช่างใจเลือกซื้อกันสักหน่อย

มาดูเรื่องของเรื่องของหน้าตาก่อน

แน่นอนว่าความเป็นดิจิตอลนั้นช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้นเยอะ สามารถตั้งค่าการแสดงผลแนวนอน แนวตั้ง และมือข้างถนัดที่จะใส่นาฬิกาได้ผ่านซอฟแวร์ของ Garmin เอง รูปลักษณ์ภายนอกดูเป็นเหมือนสายรัดมือเล็กๆ ที่ไม่เทอะทะสามารถพกพาไปไหนก็ได้ จะใส่ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาหนักๆ ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ติดตรงที่ว่าผมเองส่วนตัวไม่ค่อยชอบสายที่เป็นสายหนัง หรือยางมาแต่ไหนแต่ไร เพราะมันดูแลยากกว่าสายเหล็ก (พนักงานขายแจ้งว่าเปลี่ยนสายไม่ได้)

หน้าปัดเหมือนจะมินิมอลบอกอะไรได้น้อย แต่ความเป็นจริงแล้วก็ใช้งานได้ดีอยู่เหมือนกันนะครับ อย่างเช่นมีข้อความแจ้งเตือนจาก LINE เข้ามือถือมันก็จะ push พร้อมสั่นขึ้นมาที่หน้าปัดให้ทันที แค่ได้เห็นว่าใครเป็นคนส่ง และอ่านสัก 1-2 บรรทัดสั้นๆ ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ อาจจะเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่เวลาแชทกันไม่ได้พิมพ์อะไรมายาวๆ ข้อความเดียวก็เป็นได้

หน้าปัดมี backlight ให้เวลาอยู่ที่แสงจ้าก็สามารถอ่านค่าได้ไม่มีปัญหา

การอ่านค่า heartrate ส่วนตัวคิดว่าทำได้ดีในระดับนึง คิดว่าการอ่านค่านั้นแม่น 80-90% หากใส่ให้กระชับข้อมือ ใครที่ออกกำลังกายแล้วรู้สึกเหนื่อยมากๆ ในบางช่วง หรือรู้สึกว่าหายใจไม่ทันเวลาเล่นกีฬาหนักๆ การหยุดพักสักหน่อยแล้วมาดูค่า heartrate ก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อไม่ให้ร่างกายทำงานหนักเกินไป

ตัวอ่านค่า heartrate นั้นจะอยู่ที่ด้านหลังของหน้าปัดครับ ผมเองเวลาใช้นาฬิกาทั่วไปจะหันหน้าปัดเข้ามาด้านในอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะทำให้อ่านค่า heartrate ได้ค่อนข้างแม่นยำกว่าเอาฝั่งที่อ่านค่าอยู่ด้านบนหลังข้อมือนิดหน่อย แต่อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคลาดเคลื่อน หรือต่างกันขนาดไหน

ปุ่มเดียวที่สามารถกดได้คือปุ่มที่อยู่ด้านล่างของหน้าปัด ซึ่งจะเอาไว้ใช้ในการปรับเข้าอีกเมนูนึง ซึ่งจะรวมพวกเมนูเริ่มต้นออกกำลัง การตั้งปลุก ปิดเสียงรบกวน ดูข้อมูลของตัว Vivosmart การตั้งค่า และการ Sync ข้อมูลจากสายรัดไปยังสมาร์ทโฟนของเรา อันนี้ผมว่าเรียบง่ายไม่ซับซ้อน คนที่ไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยีก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

ฝั่งซอฟแวร์ – Garmin Connect

แอพฯ Garmin Connect นั้นมีทั้งบนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี ขั้นตอนแรกอาจจะใช้เวลาในการ setup ตัว Garmin Vivosmart Hr + กับซอฟแวร์ที่สมาร์ทโฟนของเราสักระยะนึง แต่ตรงนี้ทำแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่ใช้มาร่วมเดือนนี้ผมว่าซอฟแวร์ค่อนข้างดีในระดับนึงเลยนะครับ ไม่มีปัญหาในการแสดงผล อีกทั้งข้อมูลที่เก็บมาได้ก็บอกละเอียดถูกใจเลยทีเดียว

ส่วนบนเว็บไซต์ก็สามารถเปิดดูได้เหมือนกันเพียงเข้าไปที่ http://connect.garmin.com แล้วเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีของเราให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นก็จะดูเป็น dashboard ส่วนตัว ตรงนี้เป็นระเบียบมาก เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบกวาดสายตาดูนั่นดูนี่แล้วหาอะไรไม่เจอ

ที่ผมชอบอีกอย่างนึงคือมันสามารถ track ช่วงเวลาที่เรานอนหลับได้ด้วยครับ โดยจะ track เวลาที่เราเข้านอน(ช่วงที่ไม่ได้ขยับ) ไปจนถึงช่วงที่เราตื่นแล้วทำเป็นกราฟให้ดูว่าวันนี้พักผ่อนไปกี่ชั่วโมง แบ่งเป็น light sleep หรือ deep sleep กี่ชั่วโมง ซึ่งผมชอบมาก และอันสุดท้ายคือเวลาที่เรากำลังจะเล่นกีฬา เราสามารถตั้งค่าให้ตัว Garmin Vivosmart Hr + เริ่ม tracking ได้ โดยเลือกระหว่าง outdoor(ใช้ GPS) และ indoor เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้วก็จะบันทึกพร้อมทำรายงานให้เราเรียกดูผ่านแอพฯ และเว็บได้ตามสะดวก

การใช้งานคือถ้าชาร์จแบตหนึ่งครั้ง(ประมาณ 2 ชั่วโมงที่จะให้แบตเต็ม) ถ้าไม่ใช้ GPS เลย ทำเป็นนาฬิกาปรกติ หรือใช้อ่านข้อความจากสมาร์ทโฟนก็สามารถอยู่ได้ราว 5 วันครับ แต่ถ้าใช้ GPS ตลอดในการ workout ข้างนอก ก็จะอยู่ได้ 2 วัน หรือ 3 วันโดยประมาณขึ้นอยู่กับว่าเรา workout นานแค่ไหน ส่วนตัวคิดว่าชอบครับ ถึงแม้จะไม่ได้มีฟังก์ชั่นพิเศษจนต้องร้องว้าว แต่ถ้ามองในมุม functional ไม่ได้เน้นในเรื่องของ design มาก่อน ผมก็บอกว่าตัวนี้ตอบโจทย์การออกกำลังกาย และใช้ในชีวิตประจำวันของผมอยู่ครับ