หนาวแล้ว เปลี่ยนที่ทำงานบ้าง
จริงๆ แล้วโปรแกรมเมอร์อย่างผมก็ไม่มีอะไรมากครับ ถ้าบอกว่าไปเที่ยวมันก็เหมือนกับการเปลี่ยนสถานที่ทำงานนั่นแหละ ไปเที่ยวก็แบกคอมขึ้นเครื่องนั่งรถไปด้วย ถึงกลางวันจะขับรถไปนั่นไปนี่ แต่ตกกลางคืนก็ต้องมานั่งแก้งานในที่พักทุกคืนเป็นเรื่องปรกติ ยิ่งฟรีแลนซ์ด้วยแล้ว การมาเที่ยวช่วงวันธรรมดาถือว่าเสี่ยงมาก แต่สำหรับผมมันก็ดีกว่าไปแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์
ผมไม่ได้ไปเชียงใหม่มาหลายปีแล้ว น่าจะเกิน 7-8 ปีได้ ไหนๆ ก็เริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศกำลังดี ประกอบกับเป็นช่วงที่หลายงานกำลังรอ feedback จากลูกค้า ไหนจะแม่ผมที่เกษียณออกมาอยู่บ้าน ก็เลยชวนแม่ไปเที่ยว แพลนไว้หลังหยุดยาว 3 วันที่คนอื่นทั่วไปเขาหยุดกัน ซึ่งตอนไปเที่ยวเนี่ยผมจะไม่อะไรมาก แม่อยากไปเที่ยวที่ไหน อยากจะแวะตรงไหนก็แล้วแต่ไปได้หมด แต่ช่วงกลางคืนต้องขอที่พักดีอินเตอร์เสถียรให้ทำงานได้แค่นั้น
ทริปนี้ไป 3 วัน 2 คืน วันธรรมดา ขึ้นเครื่อง เช่ารถ แพลนเที่ยวกินกันเอง อยากไปไหนก็ไป ลูกทุ่งดูรีวิวตามเน็ตเอา
แม่แตง เชียงดาว นอน ภูสันฟ้ารีสอร์ท
หลังจากได้รถเช่าเรียบร้อยก็กินข้าวเช้าที่ร้าน Smoothie Blues แถวนิมมาน ก่อนออกเดินทางขึ้นไปทางเส้นแม่แตง แวะเขื่อนแม่งัด ที่วันนั้นไม่มีอะไร เพราะอาจจะไม่ได้นั่งเรือออกไปดูวิวในเขื่อน เลยขับรถออกมาแล้วมุ่งหน้าไปทางเชียงดาวต่อ
ไฮไลท์ของการมาเที่ยววันธรรมดาจริงๆ เลยคือ ความเป็นส่วนตัว อาศัยช่วงเวลาที่คนน้อยไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เนี่ยถือว่าเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ยิ่งใครที่ชอบไปเที่ยวที่ห่างไกลหน่อย ไม่ได้ถือว่าเป็นที่ท่องเที่ยวติดอันดับหรือใกล้เมืองแบบผมอาจจะชอบเส้นทางนี้ แม่แตง เชียงดาว เส้นนี้ขับรถเลาะเขาไปเรื่อยๆ เป็นทางเดียวกับที่จะไปฝาง แต่เชียงดาวจะเบี่ยงซ้ายออกไปก่อน
เชียงดาวมีวัดถ้ำเชียงดาวที่คนนิยมมาพอสมควร แม่ผมแนะนำให้ไปสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่องที่อยู่ถัดกันไม่ไกล สำนักสงฆ์นี้ต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 400 ก้าวกว่าจะขึ้นไปถึงพระใหญ่ ใครที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็อาจจะต้องหยุดพักบ้าง เดินให้ช้าลงหน่อยเพราะอากาศข้างบนค่อนข้างน้อยตามพื้นที่สูง อากาศดี วิวสวย และเงียบสงบเหมาะกับการมาปฏิบัติธรรม แต่ถ้าใครอยากได้ความเงียบและอยู่กับตัวเองจริงๆ ผมแนะนำวัดที่ผมไปบวชที่เชียงราย ชื่อวัดอุดมวารีตามบทความเก่า ช่วงชีวิตที่เป็นภิกษุ
ใช้เวลาอยู่ที่เชียงดาวพอประมาณก็ขับรถกลับมาที่แม่แตง แวะกินข้าวที่ร้านบ้านสวนชมจันทร์ก่อนจะแวะเข้าที่พัก ภูสันฟ้ารีสอร์ท
ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบที่นี่มากครับ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นรีสอร์ทเดียวที่อยู่แถวบริเวณนี้ การเดินทางสำหรับคนที่ไม่มีรถอาจจะเข้ามาลึกนิดนึง หรือไกลจากตัวเชียงใหม่บ้าง แต่เรื่องของสภาพแวดล้อม บรรยากาศ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะวันที่เข้าพักเป็นวันธรรมดา เป็นช่วงหลังหยุดยาวอะไรก็ตามแต่ ผมรู้สึกว่าผมอยากจะพักที่นี่ต่ออีกสักคืนสองคืน กลิ่นไอดินนาข้าวที่อยู่ข้างที่พัก สามารถลงไปเดินเล่นถ่ายรูปได้ ด้านหลังของที่พักเองก็มีสวนหย่อมปลูกผักปลูกผลไม้ ช่วงเช้าๆ จะเห็นน้ำค้างที่แข็งเกาะกับใบไม้ริมทางเดิน ขอแค่หนังสือพิมพ์สักเล่มกับกาแฟร้อนสักแก้ว แค่นี้ก็รู้สึกดีไม่อยากกลับมาเจอความวุ่นวายที่กรุงเทพฯ แล้วล่ะครับ
ห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องจะออกแนว cottage วิวหันออกไปทางนาข้าว ใครที่ไม่ชอบเปิดแอร์นอน อยากสัมผัสบรรยากาศหนาวแบบธรรมชาติก็สามารถเปิดหน้าต่างปิดมุ้งลวดไว้ได้ และที่เตียงเองก็มีมุ้งให้กางด้วย สำหรับคนที่กลัวยุงหรือแมลงอะไรจะเล็ดลอดเข้ามา อาหารเช้าให้เลือกระหว่างแบบไทย กับแบบอเมริกัน ซึ่งผมว่าได้ค่อนข้างเยอะ และอิ่มแน่นอนสำหรับมื้อเช้า
ผมจอง ภูสันฟ้ารีสอร์ท ผ่าน Agoda ได้ราคาประมาณ 3,200 กว่าบาทต่อคืน ซึ่งถ้าเทียบราคากับสิ่งที่ได้แล้ว ผมประทับใจมาก ถ้ามีโอกาสจะกลับไปซ้ำช่วงหน้าหนาวแน่นอน
แม่กำปอง ไจแอนท์เชียงใหม่ ศิริปันนา
ใกล้ๆ กับ ภูสันฟ้ารีสอร์ท ก็จะเป็นวัดบ้านเด่นครับ วัดนี้สวย และใหญ่โตเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าแวะเข้ามาไหว้พระถ่ายรูปมาก เนื่องจากวันที่ 2 ต้องนอนในเมือง เลยคิดว่าจะออกไปเที่ยวอีกฝั่งนึงคือแถบแม่กำปอง แม่ผมหาข้อมูลในเน็ตมาว่า ไจแอนท์เชียงใหม่ เป็นร้านกาแฟที่อยู่บนต้นไม้ ไหนๆ ก็มาแล้วก็อยากจะขึ้นมาดูสักหน่อย ตอนแรกผมก็ขี้เกียจขับรถไปนั่นแหละ เพราะถ้าตาม Google Maps มันขึ้นกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง กับระยะทางแค่ประมาณ 50 กิโล
แต่พอเอาเข้าจริง ทางมันต้องขับเลาะเขาขึ้นไปไกลพอสมควร เส้นทางนี้จะคดเคี้ยว และบางจุดเลนรถวิ่งนั้นแทบจะสวนกันไม่ได้ก็มี บางคนอาจจะเหนื่อยกับการขับรถที่ต้องเพ่งใช้สมาธิเยอะๆ แต่สำหรับผม ผมบอกเลยว่าภาคเหนือเนี่ยขับรถเลาะเขาสนุกมากก นี่ไม่อยากจะนึกถึงช่วงเทศกาลที่มีรถสวนไปมาเลยนะครับ ไม่รู้ว่าจะต้องติด กว่าจะไปถึงจุดหมายกี่ชั่วโมงกันแน่
แล้วก็มาถึง ไจแอนท์ ร้านกาแฟที่อยู่บนต้นไม้..
สำหรับผม มันเหมือนเป็นแลนมาร์คมากกว่า แบบใครก็อยากจะมาถ่ายรูปว่าเออมาถึงแล้วนะ มาเช็คอินลง social นั่งร้านกาแฟแบบชิคๆ ตามเทรนด์สักนิดนึง คือถ้าคุณมีเวลามากมาย และอยากจะเก็บแต่ละที่ๆ ตามแพลนที่วางไว้ก็โอเคครับ แต่ถ้าวันเวลาเที่ยวมีจำกัด ผมก็ว่าไปเที่ยวที่อื่นที่เป็นไฮไลท์ของเชียงใหม่จะดีกว่า
หลังจากลงจากแม่กำปองก็แวะเข้าที่พัก ซึ่งที่พักคืนนี้จะเป็นรีสอร์ท 5 ดาวที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก เป็นรีสอร์ทสไตล์ล้านนาที่อนุรักษ์ความเป็นไทยไว้ได้ดีหลายต่อหลายอย่าง มีกิจกรรมให้ผู้เข้าพักร่วมทำด้วยได้เช่น ทำอาหารไทย การดำนา พานั่งรถชมเมือง ฯลฯ ใครที่มาเที่ยวแล้วต้องการความสะดวกสบาย ที่พักใหญ่โตหรูหรามีทุกอย่างครบครัน พนักงานบริการขั้นเทพ ห้องพักสะอาดกว้างขวาง อยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง การได้มาพักที่ ศิริปันนา วิลลา รีสอร์ต แอนด์ สปา เชียงใหม่ ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่อยากแนะนำ
ที่นี่ผมจองผ่าน Agoda เหมือนกัน ได้คืนละประมาณ 3,000 บาท ซึ่งถูกกว่า ภูสันฟ้ารีสอร์ท เป็นราคาสำหรับโรงแรม 5 ดาวที่น่าสนใจมากก
ม่อนแจ่ม ก่อนกลับบ้าน
ถ้ามาเที่ยวแล้วต้องเหนื่อยเกินไปจนลุกขึ้นไปคุยงาน หรือทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นไม่ไหว โอเคอาจจะไหวแต่ก็รู้สึกล้ามันก็เหมือนจะไม่ค่อยตรงคำจำกัดความของคำว่ามาเที่ยวหรือเปล่าครับ ถ้ามาเที่ยวแล้วกลับไปทำงานมันก็ควรจะ active, refresh อารมณ์แบบ “เห้ย กูพร้อมแล้วสำหรับการเจอสิ่งของจิปาถะกวนใจ” หรือพร้อมที่จะยิ้มให้กับลูกค้าที่ใจร้ายอะไรทำนองนั้น แพลนวันสุดท้ายเลยไม่ได้ไปไหนหลายที่ หรือขับรถไกล แค่เริ่มต้นกินอาหารเช้าที่โรงแรมก็อิ่มจุกจนไม่รู้จะอิ่มยังไงแล้ว
ข้อดีของการมาพักโรงแรม 5 ดาวอีกข้อคืออาหารเช้าที่มีให้เลือกเยอะแยะ แล้วก็น่ากินเกือบทุกอย่างเนี่ยแหละ
ม่อนแจ่มไม่ได้ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มาก แล้วส่วนตัวผมเองก็ยังไม่เคยไป เลยถือโอกาสขับรถขึ้นไปเองสักหน่อย เอาเข้าจริงทางขึ้นม่อนแจ่มเนี่ยดีกว่าทางขึ้นไปไจแอนท์ที่แม่กำปองอีกนะ อันนี้ถนนกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด รถราวิ่งขึ้นลงสะดวก ความเจริญเข้าถึงมีของซื้อของขายตลอดทาง แต่ถ้าเทียบบรรยากาศสองข้างทางระหว่างที่ม่อนแจ่มกับแม่กำปองแล้ว ผมชอบแม่กำปองกว่าถึงแม้ว่าจะไม่สะดวก ทางไปลำบาก แต่ความอุดมสมบูรณ์มันก็ช่วยให้เราเพลิดเพลินไปได้ตลอดทาง
แน่นอน ม่อนแจ่มอยู่ใกล้เมือง ขึ้นมาเที่ยวง่าย
ต่อให้เป็นวันธรรมดาแต่ยังไงคนก็ค่อนข้างเยอะอยู่ดี ตอนแรกผมก็คิดว่าม่อนแจ่มมันจะเป็นเหมือนดอยอ่างขาง คือเป็นพื้นที่การเกษตร ส่วนใหญ่ก็เป็นชุมชนของคนพื้นเมือง มีพื้นที่สีเขียวให้เดินให้เห็นอะไรทำนองนั้น แต่ความจริงที่ไปเห็นแล้วมันก็มีแหละครับ แต่ส่วนใหญ่มันถูกดัดแปลงให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่ท่องเที่ยวมาถ่ายรูปชมวิวมากกว่า
สำหรับใครที่ชอบไปเที่ยวแบบเป็นส่วนตัว หรือปลีกหนีไปอยู่แบบเงียบๆ ชื่นชมธรรมชาติ อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมายก็อาจจะต้องแวะออกไปนอกเมืองหน่อย ซึ่งแม่กำปองเองก็มีโฮมสเตย์น่าพักอยู่หลายที่ หรือจะขึ้นไปแม่แตง เชียงดาว หรือไปฝางเลยก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่สำหรับคนที่ต้องแบกงานไปนั่งแก้ตอนกลางคืนแบบผมแล้ว การได้เที่ยวตอนกลางวัน แล้วกลับมาพักที่พักที่ดีๆ ช่วงกลางคืนก็ถือว่าโอเคแล้วครับ ทั้งภูสันฟ้ารีสอร์ท และศิริปันนา เองก็ตอบโจทย์ทั้งสองที่ แต่ส่วนตัวชอบภูสันฟ้ามากกว่าเพราะมันดูลูกทุ่งอยู่แบบไม่ต้องคิดอะไร ไปพักผ่อนจริงจังอะไรทำนองนั้น
ไปซะคุ้มเลย แต่ดับฝัน ไจแอนท์ที่อยากไปมาก จริงๆก็รู้สึกว่าเป็นแค่แลนมาร์คจริงๆ คงอารมณ์เหมือนไอเบอรี่ที่นิมมาณ
ตอนแรกเกือบได้ไปแล้ว ไอเบอรี่ แต่คิดว่ามันไม่มีอะไร.. แค่ไปถ่ายรูป
ขอบคุณสำหรับ comment และ review คะ
หากทางคุณ Jirayu มีความประสงค์จะเข้าพักภูสันฟ้า รีสอร์ท สามารถติดต่อได้โดยตรงพร้อมสิทธิพิเศษคะ ขอบคุณคะ😀
ขอบคุณครับ หน้าหนาวปีหน้าอาจจะได้กลับไปอีกแน่นอนครับผม