Gadget เพื่อคนรักสุขภาพ.. ?
สงคราม Gadget เพื่อคนรักสุขภาพนั้นดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดูได้จากปัจจุบันตอนนี้ก็มีหลากหลายยี่ห้อหลายค่ายที่ทำตัว “วัดชีพจร” ออกมาภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ซึ่งก็มีทั้งค่ายเล็กจาก kickstarter ไปจนถึงค่ายระดับโลก คำถามสำหรับคนที่จะหา Gadget ดังกล่าวมาใช้สักตัวอย่างผู้เขียนนั้น เราจะเลือกแบรนด์ไหนกันดี แล้วไอ้ที่กำลังจะซื้อมาใช้เนี่ย ใช้ได้จริง คุ้มค่ากับเงินที่จะเสียออกไปหรือเปล่า อันนี้ผมคงไม่สามารถหยิบซื้อสายวัดของทุกแบรนด์มาเปรียบเทียบได้ เพราะแต่ละตัวก็ราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร จึงอาศัยใช้หลักการไม่กี่อย่างของผู้บริโภคทั่วไปอย่างเราๆ คือ อ่านรีวิว และ เทียบยี่ห้อแทน แล้วก็ได้เจ้า Nike FuelBand SE ด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่างมาใช้งานได้ประมาณ 2 อาทิตย์จึงเก็บมาเขียนเล่าสู่กันฟังในบทความได้ดังต่อไปนี้
จุดแรกที่ผมเลือกซื้อ Nike FuelBand SE นั้น ยอมรับเลยว่าชอบรูปแบบทรงภายนอกที่เห็น ตัวสายรัดข้อมือนั้นเหมือนหุ้มด้วยพลาสติก ซึ่งตัวผู้เขียนเองมองว่าน่าจะโอเคเวลาเล่นกีฬาแล้วเหงื่อออกเยอะ หรือ เวลาใช้ทั่วไปแล้วเผลอไปโดนกับสิ่งโน้นสิ่งนี้บ้าง ตัวพลาสติกสามารถป้องกันรอยได้ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง ดีไซน์ภายนอกดูเรียบๆ มีปุ่มกดเพียงแค่หนึ่งปุ่มให้ใช้งาน ซึ่งเราเองก็สามารถกดเพื่อเลื่อนแสดงข้อมูลที่เราต้องการทราบได้ หรือตั้งค่าสิ่งที่ต้องการดูผ่านคอมพ์ หรือ มือถือได้เช่นกัน
ข้อดีข้อที่สองคือ การถ่ายข้อมูล และ การเชื่อมต่อ อันนี้ค่อนข้างจะสะดวกเพราะเจ้า Nike FuelBand SE สามารถซิงค์ bluetooth กับระบบปฏิบัติการ iOS ได้ผ่าน app ที่ชื่อว่า Fuelband อีกทั้งปลายด้านหนึงเวลาปลดล็อกสายออกมาจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ USB ด้วย ทำให้สามารถเสียบเข้าไปกับคอมพ์ หรือ โน้ตบุคของเราเพื่อชาร์ต และ ซิงค์ข้อมูลได้ในเวลาเดียวกัน
ข้อดีอีกข้อคือด้วยความที่เป็นแบรนด์กีฬาระดับโลกอย่าง Nike แล้ว ก็ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ในระดับหนึ่งทั้งด้านการใช้งาน และ ในแง่ของราคาเวลาทำการขายต่อด้วย และ เหมือน Nike FuelBand SE เองนี่จะเล่นเชื่อมกับ Social ระหว่างผู้ใช้ด้วยกัน เหมือนกับทำนองว่า “พอมีเพื่อนเล่นเยอะ ก็จะอยากออกกำลังกายมากขึ้น แล้วเอาค่า Fuel ที่เก็บได้ในแต่ละวันมาแชร์กันว่าใครได้เท่าไหร่ ทำนองนั้น” ซึ่งหน่วยนับที่ชื่อ Fuel เอง ก็จะนับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะตามการขยับ หรือ เคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะขยับมากหรือน้อย แต้มก็จะขึ้นตามจำนวนนั้นๆ ผู้ใช้เองสามารถปรับเปลี่ยนตั้งค่าเวลา การแสดงผล (พลังงาน, แคลเลอรี่, จำนวนก้าวที่เดิน) หรือแม้แต่ปรับเปลี่ยนค่า goal ของ Fuel ได้
ส่วนเรื่องจุดด้อยที่ผู้เขียนคิดก็น่าจะเป็นเรื่องของการจับหรือวัดในช่วงเวลาที่นอนหลับ ซึ่ง Nike FuelBand SE เองไม่มีโหมดหรือค่าที่จะเก็บไว้ใช้วัดโดยตรง แต่จะสามารถทำผ่าน Sessions ได้ ซึ่ง Session ก็เหมือนการเลือกไปที่การกระทำใดกระทำหนึ่ง แล้วเลือกเริ่มต้น – จบการกระทำ ซึ่งแน่นอนว่าจุดด้อยของการทำแบบนี้คือ เราต้องมานั่งกดเริ่มต้น และ กดจบการกระทำดังกล่าวด้วยมือถือ
ผู้เขียนใส่ Nike FuelBand SE ตลอดเวลา ตลอดทั้งวัน ทั้งเวลาอาบน้ำ – นอน – เล่นกีฬา – ทำงาน ก็พบว่าค่อนข้างใช้งานได้ง่าย และ สะดวก โดยผู้เขียนเองก็เลือกที่จะถอดนาฬิกาข้อมือออกไป แล้วมาสวม Nike FuelBand SE แทน บรรจุภัณฑ์ถูกออกแบบมาสวยงามซึ่งให้ข้อต่อทั้งแบบสั้น และ แบบยาว พร้อมที่ถอดสลักข้อต่อโดยเฉพาะ สายพ่วงระหว่าง USB กับคอมพ์ ใบแจ้งรับประกัน และ คู่มือการใช้งาน
สรุปแล้ว Nike FuelBand SE ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนชอบเล่น Gadget และ ก็ชื่นชอบที่จะออกกำลังกาย วัสดุคุณภาพค่อนข้างทนทานใช้งานได้แบบไม่ต้องถนุถนอมอะไรมากนัก กันน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง เช่น อาบน้ำ ล้างมือ แต่ไม่ควรใส่ลงไปว่ายน้ำ ตามที่ในคู่มือบอก การซิงค์ข้อมูลเป็นไปอย่างง่ายสำหรับคนที่ใช้อุปกรณ์จำพวก iOS เช่น iPhone, iPod เพราะมี app ที่ใช้งานง่าย และ interface ค่อนข้างสวยงาม สำหรับคนที่ใช้คอมพ์อยู่แล้วก็หายห่วง เสียบ USB ปุ๊บ ซิงค์ข้อมูลทันที แล้วก็จะเด้งเข้าเว็บไซต์ของ nike+ เองเลย ส่วนจุดด้อยหลักๆ คือ ไม่สามารถ track การนอนหลับได้อย่างตรงๆ ซึ่งต้องพึ่ง Sessions ที่ต้องควบคุมผ่าน bluetooth จากอุปกรณ์อื่นอยู่ดี
ถ้าถามว่าคุ้มค่าหรือเปล่า อันนี้ผมมองว่า ถ้ามันทำให้เราคิดว่าอยากออกกำลังกายมากขึ้น หรือ ทำให้เราขยับตัวมากขึ้น ก็น่าจะเป็นผลดีกับตัวเราเองในอนาคตด้วยอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งเวลาเย็นๆ ถ้ารู้ว่ายังไม่ถึง goal หรือได้ค่า fuel น้อย ผู้เขียนก็อยากจะเลือกที่จะออกไปทำโน่นทำนี่ให้มันถึงเป้า ก็ถือว่าได้ออกกำลังกายไปในตัว