หลังจากงานประจำ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ปฎิเสธเลยว่า ชีวิตต้นเดือนเป็นอะไรที่ค่อนข้างแฮปปี้มากๆ หลังจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งเดือน ชีวิตมนุษย์เงินเดือนหลายต่อหลายคนก็คงเฝ้ารอเวลาปลายเดือนเป็นเรื่องปรกติ ไม่ต้องซีเรียสคิดมากว่าเงินที่ได้ในแต่ละเดือนจะได้เข้ามามากหรือน้อย ไม่ต้องซีเรียสคิดเยอะว่าจะมีเงินเข้ามาในเดือนแต่ละเดือนหรือเปล่า บอกตามตรงว่าหลังจากที่ออกมาจากงานประจำแล้ว ผมแทบจะลืมความคิดเหล่านั้นไปเลย มันคงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจในช่วงแรกๆครับ เด็กอายุยังน้อยอย่างผม ประสบการณ์ทำงานประจำก็มีน้อยนิด แต่กลับเลือกที่จะออกมาหาอะไรทำเอง ความเสี่ยงมันประทังเข้ามาจนอดที่จะคิดเกือบทุกช่วงเวลาไม่ได้ มันคงไม่สนุกเท่าไหร่ถ้ารู้ว่าเดือนนี้ เดือนหน้า หรือ เดือนไหนๆ ไม่มีงานเข้ามาเลย ทุกอย่างยิ่งทำให้เราคิดอะไรเยอะขึ้น ทั้งเรื่องการใช้เงิน จัดการเวลา แล้วก็ควบคุมพฤติกรรมวัยรุ่นที่ฝังอยู่ในตัวด้วย ในความกังวลเหล่านั้นมันก็มีข้อดีอยู่บ้าง บางทีสิ่งที่เราคิดเยอะ อาจจะเป็นแรงผลักดันให้เราทำอะไรต่ออะไรโดยที่เมื่อก่อนเรายังไม่คิดจะทำได้ดี เราเริ่มมีวินัยมากขึ้น บังคับตัวเองได้ง่ายขึ้น จนบางครั้งก็คิดว่า มันก็คงเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วที่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกห้องแอร์สี่เหลี่ยม เราได้ใช้ความคิดอย่างเต็มที่ ไปในทิศทางที่เราตั้งใจอยากจะไป ทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องแคร์ หรือ คิดอะไรเกี่ยวกับคนอื่นมากนัก หรือว่าบางทีแล้วมันก็อาจจะดีกว่าเรื่องที่ต้องกังวลก็เป็นได้
เวลามีเยอะขึ้น ทำให้เราเลือกที่จะอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เยอะขึ้น เราเลือกที่จะอ่าน และ ทำความเข้าใจเรื่องที่เราอยากจะรู้อยากจะเห็นได้ โดยไม่ต้องมีกรอบใดๆ มาพัดพา หรือ ชี้นำให้ต้องไปทางไหนต่อไหน ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องคน ไม่ต้องสนใจการเปลี่ยนแปลงของใครต่อใคร รวมทั้งใครที่จะเข้ามามีบทบาทกับความรู้สึกเรา หรือบางทีผมอาจจะคิดผิด ต้องมานั่งทบทวนอะไรใหม่ตั้งแต่แรก แล้วเริ่มใหม่โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากนักเหมือนช่วงเวลาเหล่านี้
มันก็อาจจะคงรู้สึกดีแค่ช่วงนี้ ช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น อยากจะหาอะไรท้าทาย ไม่ต้องมีภาระ ให้กังวลมากนักเหมือนช่วงเวลาในอนาคตที่เราจะต้องโตขึ้นก็ได้ บางทีก็อยากจะใช้ชีวิตให้สนุก เก็บเกี่ยวช่วงเวลาในแต่ละช่วงของชีวิตให้ได้มากเท่าที่ตัวเองจะทำได้ แต่ก็ติดกับความคิดบางเรื่องที่คอยเบรคไม่ให้เราทำสิ่งเหล่านั้น จริงๆ คาดหวังกับตัวเองมากมันก็ดี แต่ถ้ามันมากไปมันก็คงดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ คนเราจะลืมเรื่องที่อยู่ในหัวสมองได้ยังไง ถ้าใจยังไม่เคยคิดที่จะห่างจากเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ทำอะไรไปบางครั้งมันก็อาจจะกระทบกับความรู้สึกใครต่อใคร เราคิดถึงเรื่องงานมากไป หรือ คิดถึงแต่เรื่องตัวเองมากเกินไปจนลืมไปที่จะนึกถึงความรู้สึกของใคร มันก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีถ้าใครคนนั้นยังคงอยู่-ไม่จากไป กับสิ่งที่เราทำอะไรแย่ๆ ในวันก่อน
ปริญญามันก็คงเป็นแค่เรื่องเล็กๆ หรือ แค่กระดาษใบเดียว ถ้าเรายังคิดว่าสิ่งที่ทำที่โหยหาไปนั้น.. มันยังไม่ใช่