เสมือนหนึ่งก้าวข้ามขั้นบันได
ผมไม่รู้ว่าผู้อ่านบางท่านอาจจะเคยเจอประสบการณ์บางอย่างที่ตัดสินใจได้ยากหรือเปล่า.. ผมสมมติว่าเรากำลังจะก้าวเดินขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างช้าๆ ดุจการทำงานที่ค่อยๆก้าวไต่เต้าตัวเองขึ้นไปจนถึงเป้าหมายที่เราคาดหวัง หรือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามแต่ แต่ระหว่างที่เราก้าวขึ้นบันไดก้าวถัดไปที่สูงกว่านั้น.. กลับมีโซ่ตรวนขาอีกข้างที่กำลังจะทิ้งจากบันไดขั้นเดิมที่ยืนอยู่
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงคิดเหมือนกันนั่นแหละครับ “ก็เอาโซ่ที่เหนี่ยวรั้งขาข้างนั้นออกเสียสิ จะไปยากอะไร” คำถามมันเกิดขึ้นตามมาโดยทันทีว่า “แล้วเราจะเอาโซ่ที่เหนี่ยวรั้งอยู่นั้นออกได้ยังไง” แล้วถ้ามันเอาออกไม่ได้จะทำยังไง.. มันก็เหมือนกับการแก้ปัญหาบางสิ่งบางอย่างในชีวิตประจำวันนั่นแหละ
หากเอาโซ่ตรวนนั้นออกไม่ได้.. ก็ตัดขาทิ้งไปเสีย
เป็นคำตอบที่เหมือนจะสิ้นคิดเสียเหลือเกิน.. แต่ลองคิดดูนะครับ ไม่มีขาหนึ่งข้าง เรายังปีนป่ายคลืบคลานด้วยสิ่งที่มีเหลืออยู่ต่อไปได้ แลกกับการถูกตรึงรั้งไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่สามารถเอาออกไปจากความคิดที่แสนวุ่นวายของเราได้ บางครั้ง..การตัดสินใจนั้นยากลำบาก แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนย่อมมีการตัดสินใจที่แตกต่างกันออกไป และนั่นเองที่แสดงถึงความคิดบางอย่าง.. ที่ทำให้รู้ว่าเราแต่ละคน แตกต่างกันเพียงใด
“ผมรู้สึกหงุดหงิดต่ออะไรบางอย่าง.. ที่ไม่มีความลึกซึ้งเอาเสียเลย”
หรือว่าบางที สิ่งที่เราต้องการจะสื่อ มันตีความได้ยากเกินไป หรือว่าแท้จริงแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ต้องการความซับซ้อน ไม่ได้ต้องการความลึกซึ้ง เห็นอะไรก็ได้อย่างนั้น คิดอย่างนั้น ทำตามกันไปเป็นบล็อคๆ เดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรมาก..
แล้วมันจะไปสวยงามอะไร, ผมเริ่มเกิดคำถามขึ้นอีกครั้ง
มันเหมือนราวกับว่า ผมเดินอยู่ในหอศิลป์ แล้วเกิดหยุดอยู่ที่หน้ารูปภาพรูปหนึ่ง ถ้ามันพื้นๆเห็นอะไรก็ตีความได้อย่างนั้น ไม่มีความลึกซึ้ง.. มันจะเข้ามาตราตรึงอยู่ในความคิดได้ยังไง หรือถ้ามันลึกซึ้งซับซ้อนมากเกินไป เกินกว่าที่ใครหลายๆคนจะเข้าใจ มันก็มีค่าเท่ากันอยู่ดี
น่าแปลกที่เรื่องบางเรื่อง เสียงบางเสียงจากใครคนใดคนหนึ่งยังคงคั่งค้างอยู่ในหัวของเรา ไม่ว่าให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน.. แค่นึกถึงเพียงวูบเดียว กลับจดจำได้แม่นยำไม่เปลี่ยนแปลง และ น่าแปลกที่เรื่องที่ไม่น่าจดจำเหล่านั้น กลับเป็นเรื่องในเชิงลบเสียด้วย..
วันนี้ผมได้มีโอกาสนำเสนองานด้านเว็บดีไซน์ที่ผมทำขึ้นเพื่อประกวดโครงการ MSIG Web Design Contest ครับ, ถึงแม้เงินรางวัลจะสูงลิบลิ่วเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้เข้าแข่งขัน แต่สิ่งที่ผมหวังไว้มากที่สุดนั้นทะลุผ่านกระดาษเช็คแผ่นบางๆไปแล้ว.. หลายเดือนก่อนมีคนพูดกับผม บอกผมว่า “ผมนำเสนองานที่ตัวเองทำได้ห่วยมาก เนื้องานดีแต่พูดจาไม่รู้เรื่อง ผู้ใช้ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ แย่ ต้องปรับปรุง” คุณผู้อ่านเชื่อมั้ย ผมยังจดจำได้ดี ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ทุกตัวอักษรยังคงหลอกหลอนในหัวสมองผม มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความมั่นใจต่องานต่อๆไปหมดลงตามไปด้วย
และ ผมรอวันนี้.. เพื่อลบเสียงๆนั้นออกจากหัวสมอง ถึงแม้ไม่ได้เป็นคำพูดจากคนๆเดียวกันในตอนนั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า วันนี้นำเสนอต่อหน้าคนเยอะกว่า เป็นทางการกว่า และ อะไรต่ออะไรบางอย่างที่มากกว่า
แต่ในทางกลับกัน.. หรือจะเพิ่มเสียงที่ดังมากขึ้นในหัวกันแน่
ผลออกมาถึงแม้ผมจะไม่ได้รางวัลที่สูงที่สุด แต่ผมพอใจแล้วที่สามารถกลบเสียงนั้นในหัวได้.. ถูกทาบทามงานอีก 2 ที่มาเป็นตัวเลือก พอใจกับสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้แล้ว วันหลังจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดให้มากมายอีก.. “ทำไม วันนั้น ฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันไม่ทำแบบนั้นนะ”