เมื่อความรู้สึก..แทรกกลาง..ความคิด
วันนี้, ผมนั่งรถกลับบ้าน.. เมื่อก่อนจากเป็นผู้ขับ จึงไม่ได้สังเกตุอะไรข้างทางมากมายนัก มองแต่กระจกหน้าโดยที่ไม่ได้เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอะไรเลย จนเดี๋ยวนี้ต้องเข้ามาทำงานในเมือง ทิ้งรถไว้บ้าน-ทำตัวเป็นผู้โดยสาร ผมว่า.. คนที่ได้เปรียบ ยังไงเสีย ก็คือผู้โดยสารเองนั่นแหละ มันทำให้เรานึกถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เราไม่ได้คิดจะมอง บางอย่างที่เราไม่เคยคิดที่จะสนใจ ผมออกจากบ้านไปแค่อาทิตย์เดียว แค่ออกไปอยู่หอแถวพระราม9 ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากแจ้งวัฒนะเสียเท่าไหร่เลย แต่สิ่งที่ผมรู้สึก.. ทำให้นึกถึงบรรยากาศที่แสนจะแตกต่าง ระหว่างชีวิตคนที่อยู่ในเมือง กับ คนที่อยู่นอกเมือง..
ทุกครั้งเมื่อผมอยู่บ้าน-ละแวกบ้าน ผมไม่เคยจะต้องทำตัวเองให้รีบร้อน แต่กลับกัน ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอน ออกไปใช้ชีวิตเดิมๆท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะเร่งรีบ..ช่วงเวลาที่บีบคั้น มันกลับปลูกฝังให้เราหมุนชีวิตเราเร็วขึ้น ทำอะไรไวขึ้น เช่นเดียวกันกับวันนี้ที่ผมนั่งรถกลับบ้าน ผมรู้สึกว่าอุ่นใจเมื่อได้กลับมาที่ที่ตัวเองคุ้นเคย พาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆเมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มันเร็วไปไหม.. กับการนึกถึง-การคิดถึงอะไรบางอย่าง
มันรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่ผมออกจากบ้านไปอยู่หอใกล้มหาลัยเลย.. ตอนนั้นไม่เคยนึกถึง-คิดถึงบ้านเลยสักครั้ง เป็นเรื่องน่าแปลกและน่าตลกในเวลาเดียวกันที่บรรยากาศ และ ช่วงเวลาสามารถทำให้เรานึกถึง-คิดถึงอะไรบางอย่าง อะไรสักอย่าง หรือ ใครบางคน มันทำให้เรารู้สึกเหมือนราวกับว่าสมองกำลังสร้างอะไรบางอย่างเพื่อหลอกลวงความรู้สึก..พาความรู้สึกเราหนีไปที่ใดสักแห่ง ที่ที่เราสามารถเป็นได้ทั้งเจ้าของช่วงอารมณ์และเวลาเหล่านั้น และกลับกัน เราก็สามารถเป็นได้ทั้งทาสของช่วงอารมณ์และเวลาเหล่านั้นเหมือนกัน
” บางทีก็อยากหงุดหงิดกับอะไรๆที่
แต่ผมก็เรื่องมากนะ.. ผมไม่ชอบอะไรที่ต้องคิดมากเกิน เพราะผมอาจจะไม่เข้าใจ ในทางเดียวกัน ผมก็ไม่ชอบอะไรที่ตรงไปตรงมาเกิน.. มันไม่มีชั้นเชิงทางความคิด
ผมไม่รู้ว่าใครหลายต่อหลายคนเคยเป็นหรือเปล่า.. ในบางช่วงเวลา บางช่วงอารมณ์ เราตั้งคำถามขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองได้ตอบคำถามเหล่านั้น หากคำถามไหนที่ตั้งมาแล้วรู้สึกว่า เราเองไม่สามารถตอบปัญหาข้อนั้นๆได้ เราจะรู้สึกเหมือนเราขาดอะไรสักอย่าง เรายังค้างคากับเรื่องอะไรสักอย่าง.. ถ้าเราตอบคำถามตัวเองได้ ว่า ทุกวันนี้เราโหยหาอะไร.. เราจะรู้ตัวเองดี ว่าที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ สุขหรือทุกข์มากกว่ากัน
แล้วทุกวันนี้ยังต้องการอะไร? แล้วสุขหรือทุกข์มากกว่ากันกันแน่?
คำถามที่ตัวเองสร้างขึ้น.. ถ้าพยายาม พยายามตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา อย่าให้ช่วงอารมณ์นั้นบิดเบือนความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือที่ใครต่อใครต่างบอกว่าใช้ ตรรก ตอบคำถาม-อย่าอิงความรู้สึก
บ่อยครั้ง.. บ่อยครั้งที่เราอยากจะบอกใครต่อใคร
“เราไม่ได้คิดมากนะ เราไม่ได้เครียดอะไรด้วย เราแค่อยากคิดอะไรเล่นๆ ความคิดมันเกิดขึ้นมาทุกช่วงเวลาที่เราว่าง งานอดิเรกของเราคือการได้คิดอะไรเล่น การได้เหม่อมองอะไรแล้วคิดถึง-นึกถึงอะไรบางอย่าง พาให้นำมาเขียน มานึก มาเรียบเรียงเป็นถ้อยคำต่างๆที่เราสร้างขึ้นมาในแต่ละวัน เราคิดว่าความคิดคือความสุขของเรา”
และทำนองเดียวกัน “ความคิด คือ ความทุกข์ของเราด้วยเช่นกัน” เราก็แค่นึกถึงอะไรบางอย่าง พาคิดถึงความรู้สึกอะไรบางอย่าง.. มันก็แค่ทำร้ายเราช่วงเวลานึง แต่พอตื่นเช้าขึ้นมา
เรื่องเหล่านั้นมันก็จะจางหายไปเอง..