ประสบการณ์หลังจากใช้งาน 4 เดือน
อินเตอร์เน็ตถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมต้องใช้ในการทำงานครับ ไม่ว่าจะเป็นการอัพโหลดไฟล์ ส่งไฟล์ให้ลูกค้า หรือดึงข้อมูล ค้นหาข้อมูลต่างๆ นาๆ จนเดี๋ยวนี้มีแค่คอมอย่างเดียวมันก็ดูทำอะไรไม่ถนัด ติดขัดไปซะเกือบหมดทุกอย่าง แน่นอนว่าชีวิตโปรแกรมเมอร์หากทำงานแล้วไม่มีเน็ตแล้ว มันก็แทบจะไม่ค่อยมีค่าอะไรเลย
เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เราเตอร์ตัวเก่าที่บ้านมีปัญหาบ่อยมาก อาจจะเป็นเพราะอายุการใช้งานที่นานพอสมควรแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะ ISP ที่ทำเน็ตให้ชักกะตุกก็ไม่แน่ใจ หลังจากเป็นปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ตอยู่หลายวันก็คิดว่าน่าจะต้องมีอะไรที่เปลี่ยน หรือแก้กันสักที ไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนเราเตอร์แล้วเน็ตก็ยังใช้ไม่ได้ หรือเรียกช่างจาก Airnet มาแก้แล้วปัญหาหลักดันเป็นที่ตัวเราเตอร์
สรุป แก้มันทั้งคู่เลยละกัน
ผมเรียกช่างมาปรับจูนสัญญาณใหม่ก่อนรอบนึง ก่อนที่จะออกไปซื้อ Apple Airport Extreme มาใช้ ส่วนตัวคิดว่าซื้อเพราะขายต่อยังได้ราคาค่อนข้างสมเหตุสมผลอยู่ แล้วคอมที่ใช้หลักๆ เลยทุกวันนี้ก็เป็น Macbook Pro retina ก็เลยคิดว่าซื้อให้มันเป็นแบรนด์เดียวกันไปเลยดีกว่า เผื่อในอนาคตอาจจะซื้อ Apple TV อะไรๆ จะได้ง่ายขึ้นด้วย
แพคเกจทำออกมาได้ดีตามแบบที่เรารู้จักกันในนาม Apple ครับ
ในกล่องประกอบไปด้วย สาย AC, คู่มือการใช้งาน แล้วก็ตัว Apple Airport Extreme เท่านั้น
เนื่องจากที่บ้านของผมใช้อินเตอร์เน็ตแบบดาวเทียม(ไม่รู้เรียกแบบนี้หรือเปล่า) คือไม่ต้องใช้สายโทรศัพท์ ต่อสาย lan จากตัว POE ที่แปลงสัญญาณจากตัวรับที่อยู่ด้านหลังคาลงมาเข้ากับตัวเราเตอร์เลย ซึ่งก็เป็นแบบที่ Airport Extreme เป็นอยู่แล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเขาเรียกกันว่า modem rounter หรือเปล่า
แน่นอนว่า Apple เคยเคลมในเว็บไซต์ของตัวเองว่าการติดตั้งเราเตอร์หรือ Airport ต่างๆ จะต้องติดตั้งได้ง่าย และไม่จำเป็นจะต้องใช้คอมพิวเตอร์เพื่อ setup เสมอไป ในคู่มือยังบอกด้วยว่าเราสามารถ setup เจ้า Airport ได้ด้วย iPhone หรือ iPad ก็ทำได้เช่นเดียวกัน แค่เสียบปลั๊ก, ต่อสาย lan เข้ากับตัว Airport Extreme แล้วก็ setup นิดหน่อยก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว
เนื่องจากตัว Apple Airport Extreme เองสามารถส่งสัญญาณออกมาได้ 2 คลื่นความถี่ หรือที่เรียกกันว่า dual-band ซึ่งสามารถใช้ย่านความถี่ทั่วไปอย่าง 2.4Ghz พร้อมกับ 5Ghz ได้ในเวลาเดียวกัน ประโยชน์ของมันก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจง่ายครับ เราเตอร์ส่วนใหญ่ในเมืองไทยตอนนี้ปล่อยคลื่นความถี่อย่าง 2.4Ghz ออกมาเยอะ แล้วก็มีหลายอุปกรณ์ที่ใช้ย่านความถี่ 2.4Ghz อยู่เยอะมาก การที่เราเปลี่ยนไปใช้ย่านความถี่ 5Ghz นั้นจะช่วยเรื่องความเสถียรของสัญญาณได้ดีในระดับหนึ่ง ดังรูปด้านล่างที่เพื่อนบ้านของผมใช้ 2.4Ghz กันเกือบหมด
คุณภาพความแรงของสัญญาณนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างดี สัญญาณมีความต่อเนื่องไม่มีกระตุกหรือดรอปลงไป จากภาพด้านบนผมเปิดใช้งานอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน และตั้งเราเตอร์ไว้ข้างบนผ่านกำแพง, สิ่งกีดขวางต่างๆ นาๆ(บ้าน 2 ชั้น) ซึ่งคุณภาพสัญญาณก็ยังชัดเจนดี ไม่ว่าจะเลือกเข้าใช้งานที่ 2.4Ghz หรือ 5Ghz ก็ทำได้ไม่มีปัญหา
สรุปแล้ว Apple Airport Extreme ถือว่าใช้งานได้ดีสำหรับผม ติดตั้งได้ง่าย คนที่มีพื้นฐานเรื่องเทคโนโลยีน้อยก็สามารถนำไปติดตั้งใช้งานเองที่บ้านได้แบบไม่มีปัญหา คุณภาพของสัญญาณมีประสิทธิภาพดีทั้งย่าน 2.4Ghz และ 5Ghz ติดอยู่ตรงที่ว่า หากเทียบราคาเราเตอร์ในท้องตลาดกับความสามารถที่มีแล้ว จะรู้สึกว่า Apple Airport Extreme มีราคาแพงกว่าเจ้าอื่นอยู่ แต่ถ้าซื้อมาใช้แล้วคิดว่าจะขายต่อ ก็คิดว่าน่าจะได้ราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลอยู่