จะก้าวหน้า ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง
มันเป็นคำพูดที่ติดอยู่ในความคิดผมเสมอเวลาที่จะต้องตัดสินใจเพื่อทำอะไรบางอย่าง เราไม่ชอบตัวเองเวลาที่เรากำลังตัดสินใจกับปัญหา หรือ เรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ เราไม่ชอบเวลาที่เรากำลังลังเลไม่กล้าตัดสินใจ เลยกระทำอะไรออกไปห้วนๆโดยปลอบใจตัวเองทีหลังพร้อมกับประโยค classic มากๆ อย่าง “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”, “ตัดสินใจพลาดบ้างจะได้รู้” ฯลฯ เรื่องที่เราอยากจะทำอีกเรื่องคือ รวมบล็อกที่เราเขียนมาให้เหลือบล็อกเดียว ผู้อ่านหลายๆท่านอาจจะรู้จักผมจากบล็อก สอนสร้างเว็บไซต์ ที่ผมทิ้งร้างไว้นานมากพอสมควรแล้วในช่วงหลังๆ ที่จริงเรามีอะไรมาเขียนมากมาย แต่ด้วยเวลา และ เรื่องจิปาถะในส่วนของงานประจำหลายต่อหลายเรื่องทำให้เรามีเวลาคิดถึงเรื่องนี้น้อยลง จนเรียกได้ว่าหาเวลามาเขียนบล็อกหลักนี้ยังยากเลย เราเลยตัดสินใจอยากจะยุบรวมบล็อกที่สอนเขียนเว็บเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ domain หลัก จะได้เบาปัญหาเรื่องที่จะต้องไปอัพเดทบล็อกหลายต่อหลายที่
เหลือเวลาทำงานกับบริษัทเก่าอีกประมาณ 1 เดือน เราอยากจะรีบเคลียร์งานในให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหันมาทำอะไรต่ออะไรที่ยังข้างค้างอยู่ให้เสร็จเสียที บางทีเรื่องบางเรื่องมันก็แปลกอยู่อย่าง เราเป็นคนที่ต้องจด “รายการที่ต้องทำ” หรือ to-do เอาไว้เป็นข้อๆ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเป็น mission ที่เราต้องผ่านมันไปทีละอย่างๆ บางครั้งหัวข้อมันก็เยอะมากจนบางทีก็ตกใจแล้วท้อก็มี แต่เมื่อเราค่อยๆสางมันไปเรื่อยๆทีละงาน มันก็เกิดความสนุกแล้วก็กระตือรือร้นอย่างบอกไม่ถูก
- ยุบบล็อกสอนทำเว็บเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบล็อกหลักนี้
- เขียนธีมตัวใหม่ขึ้นมาใช้กับบล็อกหลัก แล้วก็เขียนบทความสอนควบคู่กันไปด้วย
- จัด bookmarks ใน browser ที่มีมากมายเหลือเกิน (บางอัน book ไว้ว่าจะอ่าน แต่ก็ยังไม่ได้อ่าน)
- ย้าย Quest เป็นโดเมนแยกไปเลย – อาจจะเขียนหน้าเว็บใหม่
- อาจจะเขียน shopping cart system ขึ้นมาเองเพื่อทดลองใช้งาน
เราเป็นคนเปลี่ยนธีมเว็บไซต์บ่อยมาก บางทีเว็บที่เราตั้งใจเขียนมันขึ้นแท้ๆ เมื่อเดือนที่แล้วอาจจะดูธรรมดา และ น่าเบื่อมากในสายตาเราวันนี้เสียอย่างนั้น มันรู้สึกเหมือนกับว่าต้องมีสิ่งที่ดีขึ้นผุดขึ้นมาตลอด แล้วเราก็มารู้ตัวเองทีหลังเสมอว่าเราเสียเวลากับไอ้เรื่อง re-design พวกนี้นานมาก มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะคิดโปรเจ็คอื่นๆ เข้ามาในสมองอยู่ตลอดเวลา ที่เหลือมันก็แล้วแต่ว่าเราจะขี้เกียจในช่วงเวลาเหล่านั้น หรือ เวลาในช่วงนั้นมันบีบจนใช้งานตัวเองไม่ทันกันแน่ เมื่อสองสามวันก่อนเราเข้าไปในเว็บไซต์ thaiseoboard ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เข้าไปนานมาก อาจจะนานถึงครึ่งปี ได้ลองตอบกระทู้แนะนำเว็บไซต์ๆนึงที่เขียนธีม wordpress ขึ้นใช้เอง แล้วก็แนบลิงค์ของบล็อกนี้ติดไปด้วย
ปรากฏว่ามีคนส่งข้อความกลับมาถามเรื่องเขียนธีม wordpress ค่อนข้างเยอะพอสมควร เราเลยอยากจะเขียนบทความชุดนึง เพื่อเตือนความรู้ตัวเองแล้วก็เผยแพร่ให้คนอื่นรู้ด้วยน่าจะดี บางทีเราก็คิดว่าเราอยากจะออกจากงานประจำมาอยู่ที่บ้าน มารับงานฟรีแลนซ์เองไปเรื่อยๆน่าจะใช่กว่า (ถึงแม้จะเพิ่งเข้าไปทำงานประจำได้เพียง 5 เดือน) หรืออาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้อยาก coding เป็นงานหลัก แต่อยากใช้สมองเพื่อคิดวิเคราะห์แล้วสร้างหนทางอะไรบางอย่างที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้.. ความคิดของผมยังยืนอยู่ฝั่งผู้ใช้เสมอ ถึงแม้ตัวผมเองจะเรียนจบด้าน programming มา แต่คุณผู้อ่านครับ เราต่างเป็นผู้บริโภคเช่นเดียวกับลูกค้าของเราเหมือนกัน ผมไม่ชอบที่จะบอกอย่างแล้วพอผ่านไปแล้วทำอีกอย่าง ผมว่ามันไม่แฟร์.. ผมโตมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อม และ ครอบครัวที่ปลูกฝังให้ผมโตขึ้นมาแบบปากว่ามือถึง จนถึงในตอนนี้ผมรู้ตัวเองแล้วว่า digital agency นั้นไม่ใช่ทางของผมอีกต่อไปแล้ว
ผมไม่สนใจเรื่องกลไกการตลาด หรือ ผลประกอบการอะไรแม้แต่น้อย ที่ผมสนใจอย่างเดียวคือ เราจะทำยังไงเพื่อเสริ์ฟสิ่งที่ดีที่สุด ทางเลือกที่ดีที่สุด รักษาความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน และ ถึงกับลูกค้า
หากอุปสรรคของการยอมรับคือช่วงอายุ.. แล้วเราจะต้องพิสูจน์อีกมากมายแค่ไหนถึงทำให้คนอื่นเปิดใจ และ เข้าใจว่าเราได้พิสูจน์ไปแล้ว
บางทีผมก็รู้สึกเหนื่อยที่พยายามทำตัวเป็นศัตรูกับโลกนะ.. มันเหมือนความคิดเราแปลกแยก แต่เราก็พยายามที่จะเปิดรับทุกสิ่งอย่างเข้ามาเปลี่ยนแปลงความรู้สึกเดิมที่เรามี จนบางครั้งเราก็เกิดแย้งกับความคิดตัวเองอยู่บ่อยๆ และ สับสนกับเรื่องบางเรื่องมากมาย แต่ถ้าวันนึงเราได้พบเจอกับคนที่มีความคิดใกล้เคียงกับเรา พร้อมจะเดินทางเส้นเดียวกับเราโดยที่เราไม่ต้องเปิดปากร้องขอใดๆ เราคงรู้สึกดีว่าวันนั้นเราได้พิสูจน์อะไรมากมายเพื่อใครหลายๆคนจากตัวตนที่เรามีออกไปแล้ว..